
''เจ้าสัวน้อย'' อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์โซนภาคตะวันตก ทะลุรอบตัดเชือกฟุตบอล "โค้กคัพ" ครั้งที่ 21 ได้สำเร็จ หลังบุกยันเสมอ ''สุภาพบุรุษวงจักร'' อาร์มี่ ยูไนเต็ด 1-1 รวม 2 นัด เอาชนะไปได้ 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นทีมแรก ที่สนามศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา
การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ''โค้กคัพ'' ครั้งที่ 21 ที่สนามศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เป็นการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ระหว่าง ''สุภาพบุรุษวงจักร'' อาร์มี่ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์โซนกรุงเทพมหานคร เปิดบ้านพบกับ ''เจ้าสัวน้อย'' อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์โซนภาคตะวันตก โดยนัดแรก อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนชนะมาได้ 1-0
11 คนแรกของอาร์มี่ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ จ.ส.อ.เอกสถา ธัญญกรรม มาในระบบ 4-2-3-1 โดยผู้รักษาประตูเป็น เขตต์สยาม มังคุด แผงกองหลังประกอบด้วย ธัชพล คนมั่น, ณัฐพงษ์ นาคพิทักษ์, พุฒิพงศ์ ประสพศิลป์, วสวัฒน์ หมัดอะดั้ม, คู่มิดฟิลด์ตัวกลางเป็น ณรงค์ศักดิ์ แซ่เก้า กับ อภินันท์ แวงวรรณ กัปตันทีม, ขณะที่สามแผงกองกลางตัวรุกได้แก่ ลภัส ฉ่ำเพชร, รณรงค์ ทาตะนาม และ ณชรินทร์ อมรชัยวรกุล ส่วนกองหน้าตัวเป้าเป็น อภิรักษ์ เชนประโคน
.jpg)
ด้านอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ของ ''โค้ชธร'' ธร สอระภูมิ มาในระบบ 4-2-3-1 เช่นกัน ผู้รักษาประตูเป็น พิชชา อารมย์เอื้อ, กองหลัง 4 คน ได้แก่ สหรัฐ สวัสดี, วุฒิชัย คุ่มเคี่ยม กัปตันทีม, ไพเราะ สงฤทธิ์, นิติบดินทร์ มะคต, กองกลางตัวรับเป็นการจับคู่กันระหว่าง ธนายุทธ์ จันนา กับ พชรดนัย เขตต์ปรุ ขณะที่สามมิดฟิลด์ตัวรุกประกอบด้วย วัชรกร บุญยะยุต, วรวุฒิ ศรีสวัสดิ์ กับ พงศ์ปณต แก้ววิเชียร โดยมี ผดุงเกียรติ อาจคิดการ เป็นหัวหอกตัวเป้า
สำหรับทีมงานผู้ตัดสินประกอบด้วย นที ชูสุวรรณ (ผู้ตัดสิน), นวจนิจ ดอนจงหรีด (ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1), ปรมินทร์ อยู่เป็นสุข (ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2) และ กฤษฎา หลวงยศ (ผู้ตัดสินที่ 4)
เพียง 2 นาทีแรก สหรัฐ สวัสดี ของอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด โดนผู้ตัดสินแจกใบเหลืองอย่างรวดเร็ว จากการเข้าสกัด ลภัส ฉ่ำเพชร ของอาร์มี่อย่างหนัก อีก 6 นาทีถัดมา ผู้เล่นทีมเจ้าสัวน้อยมาพลาดโดนใบเหลืองอีก 1 ใบ จากจังหวะที่ ไพเราะ สงฤทธิ์ ไปเจตนาตัดฟาวล์ ธัชพล คนมั่น ของอาร์มี่
อย่างไรก็ตาม แม้อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ที่มีประตูตุนมาจากเกมแรกจะเน้นเกมรับเป็นหลัก กลับเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 24 เมื่อ ไพเราะ สงฤทธิ์ เปิดจากฝั่งซ้ายไปที่เสาสอง ก่อนที่ วรวุฒิ ศรีสวัสดิ์ จะยิงโล่งๆ เข้าไปให้อัสสัมชัญขึ้นนำ 1-0 รวมสกอร์ 2 นัดนำห่าง 2-0 พร้อมกับมีประตูทีมเยือนที่ได้เปรียบอีกต่างหาก
ในช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก ในนาทีที่ 45+1 เจ้าบ้านมาตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ จากจังหวะที่ ธัชพล คนมั่น จากฝั่งขวาไปหน้าประตู อภิรักษ์ เชนประโคน กองหน้าตัวเก่ง โฉบโหม่งถึงก่อน พิชชา อารมย์เอื้อ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ก่อนที่บอลจะกลิ้งเข้าสู่ก้นตาข่าย พร้อมกับทำให้อาร์มี่ไล่มาเป็น 1-2 ในสกอร์รวม 2 นัด
ครึ่งหลังทั้งสองทีมเริ่มเข้าบอลกันหนักมากขึ้น จนนาทีที่ 59 ผดุงเกียรติ อาจคิดการ ของอัสสัมชัญมาโดนใบเหลืองจากจังหวะเจตนาทำฟาวล์ใส่ พุฒิพงศ์ ประสพศิลป์ ของอาร์มี่ จากนั้นนาทีที่ 65 ผู้เล่นอาร์มี่โดนใบเหลืองบ้าง จากจังหวะที่ รณรงค์ ทาตะนาม ไปเสียบหงายปุ่มใส่ วัชรกร บุญยะยุต
นาทีที่ 82 แข้งเจ้าถิ่นมาโดนใบเหลืองอีก 1 ใบ เมื่อ ธัชพล คนมั่น ไปเข้าบอลหนักใส่ ไพเราะ สงฤทธิ์ นาทีถัดมา ธัชพล คนมั่น ที่เพิ่งโดนใบเหลืองไปหมาดๆ มีโอกาสยิงไกลระยะ 30 หลา บอลเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 89 อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตูที่ 2 จากจังหวะโต้กลับเร็ว แต่ สิทธิรักษ์ เกิดขุมทอง ที่ได้โอกาสยิงในกรอบเขตโทษ ซัดไปตรงตัว เขตต์สยาม มังคุด ผู้รักษาประตูอาร์มี่
นาทีสุดท้าย ทีมเจ้าสัวน้อยมีโอกาสได้ประตูอีกครั้งจากการโหม่งของ สิทธิรักษ์ เกิดขุมทอง คนเดิม แต่บอลไปตรงตัวผู้รักษาประตูอย่างน่าเสียดาย
ครบ 90 นาที เสมอกันไป 1-1 รวมผล 2 นัด อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นทีมแรก โดยจะเข้าไปพบกับผู้ชนะระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เชียงใหม่ เอฟซี
สำหรับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ ได้แก่ ไพเราะ สงฤทธิ์ แบ็กซ้ายตัวเก่งของอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ที่โดดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยแมตช์นี้ สามารถทำแอสซิสต์ได้อีกด้วย จากการเปิดบอลให้ วรวุฒิ ศรีสวัสดิ์ ยิงในช่วงต้นเกม