ฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ ไทยแลนด์ยูธลีก รุ่นอายุไม่เกิน13ปี รอบชิงแชมป์ประเทศ ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่14 ก.ค.ที่ผ่านมา ในคู่ชิงชนะเลิศ เป็นการโคจรมาพบกันของ "กิเลนเจ้าสัว" อัสสัมชัญยูไนเต็ด พบ "ปราสาทสายฟ้า"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยในรอบรองชนะเลิศ อัสสัมชัญฯ ชนะ เจ้าหนูเมืองทอง 4-0 ส่วน บุรีรัมย์ฯ ชนะ ทรูแบงค็อกฯ 1-0 ทำการแข่งขันครึ่งละ35นาที ท่ามกลางแฟนบอลเข้ามาชมเกมกันหนาตา

 

    ครึ่งแรก เป็น อัสสัมชัญฯ ที่ครองบอลได้ดีกว่าคุมจังหวะเกมของตัวเอง และเกือบได้ประตูก่อนหลายครั้งทั้งจาก ธนพล ทิพย์จรูญ ในนาทีที่11 และ องศา สิงห์ทอง นาทีที่13 และจนมาถึงนาที 20 อัสสัมชัญฯ มาได้ประตูออกนำ 1-0 จากลูกเตะมุมจากฝั่งขวา กฤตภัค แสงสวัสดิ์ เปิดโค้งเข้าเขตโทษบอลตก ชุลมุน หน้าปากประตู ไหลเข้าทางปืน ธิติวุฒิ ขวัญมีชัยชนะ จิ้มจ่อๆเข้าประตูไป จนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

 

    โดย ช่วงพักครึ่ง ได้มีโชว์พิเศษ จาก"แหนม รณเดช" นักร้องชื่อดัง มาครวญเพลงชิลๆ ตามฉบับ ให้แฟนบอลในสนาม ได้ร้องตามกันด้วยบรรยากาศอย่างเป็นกันเอง

 

    ครึ่งหลัง เริ่มมาได้เพียง3 นาที อัสสัมชัญฯ เกือบได้อีกครั้ง ธิติวุฒิ ขวัญมีชัยชนะ กลับตัวยิงด้วยขวาบริเวณเส้นเขตโทษ บอลหลุดเสาไปนิดเดียว

 

    จากนั้น เป็น บุรีรัมย์ฯ ที่ครองบอลเปิดเกมบุกได้มากขึ้น ใช้การเพิ่มสปีดบอลในการเข้าทำแต่ยังหาจังหวะสับไกแบบจะแจ้งยังไม่ได้ ขณะที่ อัสสัมชัญฯ เน้นเกมเหนียวแน่น รอดักจังหวะสวนกลับตอบโต้เป็นระยะ ท้ายเกม บุรีรัมย์ฯ พยายามบุกกดดันอย่างหนักแต่ทำอะไรไม่ได้

 

    จบเกม อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0 คว้าแชมป์ยูธลีก รุ่นอายุไม่เกิน13ปี เป็นสมัยที่2 และเป็นแชมป์ยูธลีก รุ่นที่ 2 หลังจากชุดU15 อัสสัมชัญยูไนเต็ด เพิ่งคว้าแชมป์ไปที่ จ.ภูเก็ต ทำให้ "กิเลนเจ้าสัว"รับเงินรางวัล 6แสนบาท ส่วน "ปราสาทสายฟ้า"รับเงินรางวัล3 แสนบาท 

 

    ด้านรางวัลดาวซัลโว เป็น ณพัฐภ์ กุตนันท์ ของทรูแบงค็อก และ ปภาวิชญ์ ต่ออ่อน ของราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ยิงไป 5 ประตู  ส่วนนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์เป็น ธิติวุฒิ ขวัญมีชัยชัย อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด

 

   สำหรับการแข่งขันฟุตบอลลีก เยาวชนแห่งชาติ รอบชิงแชมป์ประเทศ รุ่นอายุไม่เกิน17ปี และ19ปี จะไปแข่งขันกันที่ จ.อุดรธานี ทั้ง2รุ่น โดย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ทำการแข่งขันวันที่ 16-27 ก.ค. ส่วนรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จะเริ่มทำการแข่งขัน ในวันที่ 6-17 ส.ค. ซึ่งพิธีเปิดจะมีขึ้นในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ที่ สนาม ม.ราชภัฏอุดรธานี

 

   ส่วนเกมนัดชิงอันดับที่3 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทำการแข่งขันครึ่งละ35นาที

 

   ครึ่งแรก เกมแลกกันสนุก นาทีที่6 เจ้าหนูเมืองทอง เกือบขึ้นนำ ภัทรพล สุจิรัตน์ กองหลังเติมสูงขึ้นมาส่องไกล แต่นายทวาร แข้งเทพฯ พุ่งปัดออกหลังเอาไว้ได้ นาที13เป็น ทรู แบงค็อกฯ ได้ลุ้นบ้าง ซุนตะ อาเซกาวะ แทงทะลุช่องให้ กรินทร์ โภชโน หลุดเข้าเขตโทษซัดด้วยซ้ายบอลไปตรงตัว นายด่านเมืองทองฯ 

 

   จากนั้นเกมยังเปิดหน้าใส่กันอย่างสนุก แต่มีจังหวะตัดเกมทำฟาวล์กันหลายครั้ง ทำให้ผู้ตัดสินต้องเป่าหยุดเกม ตักเตือนนักเตะในวัยนี้ป็นระยะ แต่ในนาที34 ทรู แบงค็อกฯ ต้องมีเสียผู้เล่นคนสำคัญ จากจังหวะปะทะกัน ณพัฐภ์ กุดนันท์ กองหน้าตัวเก่งได้รับบาดเจ็บหนักต้องถูกหามเปล ออกจากสนามและเล่นต่อไม่ไหว และจบครึ่งแรก ยังเสมอกัน0-0

 

   ครึ่งหลัง นาที41 เจ้าหนูเมืองทอง ได้ลุ้นอีกครั้ง จากการทำชิ่งหนึ่งสองในเขตโทษ อิสระชน บัวสาน ซัดหลุดเสาสองไปนิดเดียว นาที49 เป็น เจ้าหนูเมืองทอง เกือบได้อีกครั้ง จากการทำเกมของ คาเมรอน บาร์เบอร์ ตัวรุกลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษ ไหลออกขวา ยศภัทร มีแก้ว วิ่งเข้าซัดเรียดด้วยขวา บอลไปชนเสาอย่างจัง ก่อนแนวรับ ทรู แบงค็อกฯ ช่วยกันเคลียร์ไว้ได้ทัน 

 

    และนาที58 เป็น "แข้งเทพ" ออกนำ1-0 จากความสามารถเฉพาะตัวของ ธีรเดช สมตัว กระชากจากกราบขวา เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษ ล็อกหลบแนวรับ เมืองทอง 2-3คน และบอลไปเข้าทาง ภัคพล ฤทธิ์ไธสง ยืนโล่งๆด้วยซ้ายเข้าไป และนาที 65 ทรู แบงค็อกฯ หนีเป็น 2-0 จากบอลสวนกลับ ธีรเดช สมตัว หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษซัดเสียบเสาแรกเข้าไป ช่วงทดเจ็บ "กิเลนจูเนียร์" ยิงไล่มาเป็น1-2 จากการกลับตัวยิง ด้วนขวาบริเวณหัวกะโหลก ของ อิสระชน บัวสาน ทว่าไล่ไม่ทัน ทำให้ "แข้งเทพ" ชนะไป 2-1 คว้าอันดับที่3 รับเงินรางวัล 2 แสนบาท ส่วน เอสซีจี เมืองทองฯ คว้าที่4 รับ1แสนบาท