หนทางสู่ทีมชาติได้เกิดขึ้นอีกครั้งสำหรับกิจกรรม ''ช้าง ซอคเก้อร์ สกูล 2018'' เป็นสนามที่ 2 รอบคัดเลือกโซนภาคกลาง เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 61 ที่สนามกีฬา ร.ร.อัสสัมชัญธนบุรี ที่ผ่านมา เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่าง บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เครื่องดื่มตราช้าง จับมือกับ ร.ร.อัสสัมชัญธนบุรี เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแข้งจิ๋วเข้าโครงการช้างเผือก เปิดโอกาสให้เยาวชนที่มีใจรักทางด้านกีฬาฟุตบอลอายุไม่เกิน 10 ปี ที่เกิดช่วงของ พ.ศ. 2551 เป็นส่วนหนึ่งในโครงการช้างเผือกในรั้ว ''เจ้าสัวน้อย'' ฝึกทักษะลูกหนังอย่างมืออาชีพ ในแต่ละภาคแบบไม่กำหนดคน ก่อนเข้าเก็บตัวรอบสุดท้าย ด้วยระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ พร้อมชิงทุนการศึกษากว่า 1.6 ล้านบาท และพัฒนาฝีเท้าก้าวขึ้นสู่นักเตะทีมชาติไทยในอนาคต 

 

         ยอมรับเลยว่ากระแสตอบรับ 2 สนามที่ผ่านมาค่อนข้างดี มีเด็กเกือบ 2,000 ชีวิต เข้าร่วมคัดเป็นหนึ่งในช้างเผือกกันอย่างคึกคัก ก่อนทาง ณรงค์วิทย์ อุ่นแสงจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการช้างเผือกโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี และประธาน ได้ออกมาเผยถึงเหตุผลว่าทำไมเยาวชนส่วนใหญ่ถึงเลือกที่จะมาเข้าช้างเผือกอัสสัมชัญธนบุรี ''ต้องบอกก่อนเลยว่าตลอดระยะเวลา 19 ปี ทางอัสสัมชัญธนบุรีได้เดินสายทั่วทุกภาคในประเทศ เปิดโอกาสให้เยาวชนที่มีใจรักกีฬาฟุตบอลเข้ามาเป็นนักฟุตบอลกับเจ้าสัวน้อยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันบ่อเกิดของทีมชาติไทย อย่าง ''มุ้ย'' ธีรศิลป์ แดงดา, ''ตอง'' กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ''อุ้ม'' ธีราทร บุญมาทัน, ''ตังค์'' สารัช อยู่เย็น ที่ได้เป็นตัวจริงในช้างศึกชุดใหญ่ รวมไปถึงชุดทีมชาติ ยู-23 และ ยู-19 ซึ่งปัจจุบันนี้กระแสฟุตบอลขาสั้นบูมขึ้นมาก สังเกตได้จากการเกิดอะคาเดมี่มากมายในเมืองไทย ต้องขอชื่นชมผู้ปกครองที่คอยสนับสนุนน้องๆ พัฒนาฝีเท้าได้ดีขึ้นทุกปีขนาดนี้ ยอมรับว่าทุกคนมีเทคนิคการเล่นฟุตบอลดีขึ้นมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา อีกหนึ่งเหตุผลอะไรที่ทำให้อยากอยู่ในรั้วเจ้าสัวน้อย นอกจากจะเป็นสถาบันทีมชาติแล้วคงไม่พ้นเรื่องสวัสดิการฟรีทุกอย่าง ทั้งด้านการศึกษา, หอพัก, เงินเดือน ที่อัพตามช่วงวัย รวมถึงอื่นๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันประมาณ 1.6 ล้านบาท ซึ่งมันไม่ได้มีโอกาสง่ายๆ หากไม่พูดถึงค่าเทอมที่ตกถึง 70,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีบุคลากรมีคุณภาพกันทุกคนพอที่จะซัพพอร์ตทุกคน สไตล์การคัดเลือกเด็กของเรา คือไม่เน้นรูปร่างว่าจะตัวเล็กหรือสูงใหญ่แค่ไหน แต่เน้นเทคนิคของตัวเด็ก พอลงสมอลล์ไซด์เกม 4 ต่อ 4 จะเห็นได้ชัดว่าใครมีพื้นฐานอย่างไร ทางเราไม่ได้จับตามองคนที่ยิงประตูว่าใครทำประตูแล้วต้องติดคือไม่ใช่ เกมที่ดีไม่ได้วัดจากการทำประตู แต่วัดด้วยระบบทีมจะสำเร็จได้นั้นต้องเกิดจากทุกคน'' 

 

        ทั้งนี้ ณรงค์วิทย์ อุ่นแสงจันทร์ ได้ทิ้งท้ายถึงกิจกรรมครั้งนี้อีกว่า ''กิจกรรมที่สร้างขึ้นมานี้เราพยายามเปิดโอกาสและสร้างเวทีให้เยาวชนได้ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลในวงการฟุตบอลอาชีพมากขึ้น โดยปัจจุบันอย่างที่หลายคนทราบ กีฬาฟุตบอลสามารถเล่นเป็นอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวได้ และทางเรามุ่งเห็นว่าทุกวันนี้มีแข้งเยาวชนมากมายที่มีฝีเท้าดีหลายคน แต่ขาดเข็มทิศชี้ไปสู่เป้าหมาย โดยเชื่อว่าอนาคตข้างหน้าเราจะสามารถนำพาพวกเขาเหล่านี้ติดทีมชาติเหมือนดั่งรุ่นพี่ได้ และวันนี้ถือว่าเกินความคาดหวังของเรา เนื่องด้วยเป็นรอบในตัวเมืองกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีเด็กต่างจังหวัดให้ความสนใจ แต่ก็มีน้องๆ ทั้ง ภูเก็ต ศรีสะเกษ หรือแม้กระทั่ง ชัยนาท ที่เข้ามาร่วมกิจกรรม ซึ่งครั้งหน้าที่พะเยารับรองว่าต้องสนุกมากกว่านี้แน่นอน''  

 

     สำหรับ ''ช้าง ซอคเก้อร์ สกูล 2018'' จะออกไปเยือนคัดเลือกฝีเท้าน้องๆ ในโซนภาคเหนือ ในวันดังนี้ 

วันที่ 14 ธ.ค. 61 ส่องลม สเตเดี้ยม จ.พะเยา (งดคลินิก), วันที่ 15 ธ.ค. 61 ไนซ์เพลส สปอร์ตคลับ จ.เชียงใหม่, 

วันที่ 19 ม.ค. 62 สามกีฬากลาง จ.สุราษฎร์ธานี และวันที่ 9 มี.ค. 62 ร.ร.อัสสัมชัญธนบุรี กทม. คัดเลือกรอบสุดท้าย จะได้พบกับอดีตนักเตะโครงการช้างเผือกที่บินตรงจากญี่ปุ่นอย่าง ''มุ้ย'' ธีรศิลป์ แดงดา และ ''อุ้ม'' ธีราทร บุญมาทัน มาสอนทักษะฟุตบอลกันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย