319 ทีมพร้อมร่วมฟาดแข้งศึก ''ยูธลีก'' ซีซั่น 2018/19 ระเบิดศึกวันที่ 15 ธ.ค. 61 เป็นต้นไปในรอบแบ่งโซนที่จะแบ่งออกเป็น 8 โซน ในรุ่นอายุ 13ปี, 15 ปี, 17 ปี และ 19 ปี และฮือฮาปีนี้มีทีม ''หมูป่า อะคาเดมี่'' ผ่านรอบคัดเลือกของโซนเหนือมาร่วมโม่แข้งด้วย 2 รุ่น ได้แก่ 15 ปี และ 17 ปี โดยที่ฤดูกาลนี้ในรอบสุดท้ายฝ่ายจัดเตรียมไปหวดยังต่างจังหวัด เพื่อเปิดโอกาสให้การแข่งขันได้กระจายและเป็นแรงกระตุ้นสร้างแรงบันดาลให้กับเยาวชนและท้องถิ่น รวมถึงทาง พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังได้เผยเตรียมเชิญทีมเยาวชนชั้นนำจากต่างประเทศมาจัดการแข่งขันยูธลีกในเมืองไทยอีกด้วยในอนาคต

 

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 61 ณ ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดแถลงข่าว ''การแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ ฤดูกาล 2018/19'' ซึ่งทางการกีฬาแห่งประเทศไทย จับมือกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พร้อมภาคเอกชนในการสานต่อความสำเร็จเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับเกียรติจาก พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาเป็นประธาน พร้อมด้วย ทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผอ.ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวยการกีฬาแห่งประเทศไทย, กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ, ตัวแทนผู้สนับสนุนการแข่งขัน, ผู้แทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย, บรรดาตัวแทนสโมสรต่างๆ ที่ร่วมแข่งขัน, อดีตดีกรีทีมชาติไทย ดัสกร ทองเหลา, สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, อดิษร พรหมรัตน์ ร่วมพูดคุยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และสื่อมวลชนจนล้นห้องแถลงข่าว

 

การแข่งขันในฤดูกาล 2018/19 มีสโมสรทั่วประเทศส่งทีมสมัครร่วมการแข่งขันนมากที่สุดรวม 4 รุ่น ถึง 513 ทีม มากกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาที่มีเพียง 394 ทีม โดยรูปแบบของการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ 2018/19 รอบ ''ลีกโซน'' ซึ่งมีทีมที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วนั้น 319 ทีม แบ่งออกเป็น 8 โซนตามแบบลีกภูมิภาค ที่มีการแข่งขัน 4 รุ่นคือ 13 ปี, 15 ปี, 17 ปี และ 19 ปี ประกอบด้วย โซนภาคกลาง ที่มีครบ 4 รุ่นๆ ละ 10 ทีมรวม 40 ทีม, โซนอีสานตอนบน 4 รุ่นๆ ละ 10 ทีมรวม 40 ทีม, โซนอีสานตอนล่าง 4 รุ่นๆ ละ 10 ทีมรวม 40 ทีม, โซนเหนือ 4 รุ่น รุ่นละ 10 ทีม, โซนใต้ รุ่นอายุ 13 ปี 9 ทีม,รุ่น 15-17-19 ปี รุ่นละ 10 ทีม รวม 39 ทีม, โซนตะวันออก 4 รุ่นๆ ละ 10 ทีมรวม 40 ทีม, โซนตะวันตก 4 รุ่นๆ ละ 10 ทีม รวม 40 ทีม และสุดท้ายโซนกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ 4 รุ่นๆ ละ 10 ทีมรวม 40 ทีม ซึ่งการแข่งขันจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. นี้เป็นต้นไปในระบบลีกพบกันหมด เพื่อคัดในแต่ละรุ่นของโซนละ 3 ทีม มาแข่งขันรอบสุดท้ายอีกครั้ง 

 

ขณะเดียวกันในปีนี้รอบสุดท้ายทางฝ่ายจัดการแข่งขันจะมีการขยับออกไปจัดตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสสร้างแรงกระตุ้นให้กับเยาวชนในท้องถิ่น รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้กระจายสู่จังหวัดเจ้าภาพอีกด้วย ซึ่งทางฝ่ายจัดจะมีการพิจารณาเจ้าภาพต่อไป

 

อีกทั้งในซีซั่นนี้ได้มีกระแสฮือฮา เมื่อทีม ''หมูป่า อะคาเดมี่'' ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในรอบคัดเลือก และสามารถผ่านการเข้ามาเล่นในรอบของโซนเหนือ สำเร็จถึง 2 รุ่นคือ 15 ปี และ 19 ปี ทำให้จะเป็นอีกหนึ่งสีสันของการแข่งขันอีกด้วย

 

โดยทางโค้ช นพรัตน ์กันทะวงศ์, เอกพล จันทะวงษ์ และ เวียงชัย คุณงามความดี สามทีมงานของทีมหมูป่า อะคาเดมี่ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ว่า ''  ดีใจที่ได้รับโอกาสและทีมสามารถผ่านเข้ารอบแบ่งโซนได้สำเร็จใน 2 รุ่น ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับการแข่งขัน แต่ต้องการให้น้องๆ ได้มีโอกาสที่จะสานฝันของตัวเองและทำให้เต็มที่ ตอนนี้ทีมฝึกซ้อมมาร่วมกว่า 2 เดือนแล้วพร้อมที่จะสู้อย่างเต็มที่ ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้ลงสนามแข่งกับทีมระดับสโมสรต่างๆ ก็อยากฝากให้แฟนๆ ร่วมเชียร์เป็นกำลังใจให้กับทุกคนในทีมด้วย'' 

 

ด้าน พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์ถึงการแข่งขันในปีนี้ว่า ''รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนการพัฒนากีฬาฟุตบอลมาโดยตลอด และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นความสำเร็จต่างๆ ของฟุตบอลไทยอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าความร่วมมือกันจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติหรือยูธลีกจะช่วยพัฒนาและสร้างผลผลิตนักฟุตบอล เพื่อต่อยอดให้กับสโมสรต่างๆ และทีมชาติอย่างต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี และปีนี้เป็นครั้งแรกที่เราให้ทางอะคาเดมี่ มีส่วนร่วมกับการแข่งขันด้วย ก็นับเป็นการวางรากฐานที่สำคัญของวงการฟุตบอลไทยให้มีความแข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างแท้จริง อีกทั้งในปีนี้เรายังจะมีการนำฟุตอลยูธลีกไปสู่ระดับสากล ด้วยการที่เราจะจัดแข่งขันยูธลีกสากลขึ้น หลังจากที่จบภายในประเทศ เราจะมีการเชิญทีมชั้นนำจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการยกระดับการแข่งขันและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน เพื่อฝันของทุกคนที่จะได้ก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ หรือสากลต่อไป หลังจากปีที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในการเชิญตัวแทนทีมจากลา ลีกา สเปน มาทำกิจกรรมด้านผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสินมาแล้ว และปีนี้จะพิ่มเติมจากการหารือเชิญสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นมาช่วยเสริมให้ความรู้ในเรื่องของเทคนิคต่างๆ ให้อีกด้วย ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไป อยากเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมชมและเชียร์การแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติในปีนี้กัน''  

 

ด้าน ทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผอ.ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวยการกีฬาแห่งประเทศไทย  กล่าวถึงการแข่งขันยูธลีกที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ว่า ''ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย จะพยายามพัฒนาให้การแข่งขันดียิ่งๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยที่ปีนี้จะมีการเก็บข้อมูลแต่ละคนด้วยเพื่อนำไปใช้ต่อยอด เรื่องของการพัฒนาขีดความสามารถของนักเตะแต่ละราย ซึ่งก็เป็นหนึ่งในยุธศาสตร์ของ กกท. คือการพัฒนากีฬาฟุตบอลอย่างจริงจัง โดยเน้นการวางรากฐานลีกเยาวชนให้แข็งแกร่ง เพื่อให้เยาวชนได้มีการต่อยอดไปสู่ระดับอาชีพในอนาคตต่อไป'' 

 

ขณะที่ กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวว่า ''   ต้องถือว่าระยะ 7-8 ปี ที่ผ่านมาเป็นปีทองของวงการฟุตบอลไทย ทั้งลีกสูงสุดและทีมชาติไทย ซึ่งจากความสำเร็จของฟุตบอลลีกอาชีพในระดับต่างๆ ทำให้สมาคมร่วมกับภาครัฐบาล คือการกีฬาแห่งประเทศไทย มีแนวคิดที่จะพีฒนาทักษะฟุตบอลของเยาวชน รวมทั้งเปิดโอกาสให้นักฟุตบอลเยาวชนทั่วประเทศ ได้เพิ่มพูนประสบการณ์การแข่งขันในลีกมาตรฐานอย่างยูธลีกต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างนักฟุตบอลรุ่นใหม่ๆให้กับสโมสรต่างๆรวมถึงทีมชาติไทย ด้วยเป้าหมายการทีมฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลกในอนาคต'' 

 

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ หรือ ''ยูธลีก'' ฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมแชมป์แต่ละรุ่นนั้นได้แก่ รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี ทีมอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด, อายุไม่เกิน 15 ปี  อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด, อายุไม่เกิน 17 ปี บางกอกกล๊าส เอฟซี และอายุไม่เกิน 19 ปี เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด