.jpg)
การแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 13 ปี ''ช้างจูเนียร์คัพ 2017'' ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นการฟาดแข้งรอบ 8 ทีมสุดท้าย ลงสนาม 4 คู่ ที่สนามไทยเบฟ ฟุตบอลอะคาเดมี่ มีผลการแข่งขันดังนี้
อัสสัมชัญธนบุรี 3 RNNK UNITED 0
คู่แรก เวลา 09.00 น.เป็นการพบกันระหว่าง ''กิเลนเจ้าสัว'' อัสสัมชัญธนบุรี แชมป์สาย เอ พบ RNNK UNITED จ.ราชบุรี รองสายแชมป์สาย ดี เริ่มการแข่งขันครึ่งแรก น.8 อัสสัมชัญธนบุรีหวิดได้ประตูนำ เล่นลูกสูตร ที่ อนุชา โสมณวัตร์ หยอดให้ โจเซฟ อาเซ พุ่งโหม่งในกรอบเขตโทษบอลหลุดกรอบออกไป
น.10 ก้องภพ สร้อยรัก แนวรุกอัสสัมชัญธนบุรี ลองยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษบอลผ่านหน้าปากประตู น.12 ภาคภูมิ ขุนคงมี ปั่นฟรีคิกระยะร่วม 25 หลา บอลพุ่งตรงตัว ศุภณัฐ สุมาลย์ นายด่าน RNNK UNITED น.18 จตุรเทพ ศรีสุวรรณ วางฟรีคิกริมกรอบด้านซ้าย ไปในเขตโทษภาคภูมิ ขุนคงมี กองหลัง ''กิเลนเจ้าสัว'' โหม่งทิ้งออกมา
น.23 อนุชา โสมณวัตร์ หลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนยิงบอลแฉลบกองหลังอาร์เอ็นเอนเค มาเข้าทางเจ้าตัวอีกครั้งกดด้วยขวาบอลพุ่งเข้าประตูไปไม่เหลือสากส่งให้อัสสัมชัญธนบุรีนำ 1-0 น.28 ''กิเลนเจ้าสัว'' ลุยต่อเนื่อง อรรถพล แสงทอง โยนยาวจากกลางสนามให้ อนุชา โสมณวัตร์ วอลเลย์ด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคาน จบครึ่งแรก อัสสัมชัญธนบุรี นำ RNNK UNITED 1-0
กลับมาครึ่งหลัง น.44 อัสสัมชัญธนบุรีได้ประตูนำ 2-0 จากลูกเปิดริมเส้นฝั่งขวาที่ โจเซฟ อาเซ่ สะกิดเปลี่ยนทางบอลเข้าประตูไปไม่เหลือ น.50 อาร์เอ็นเอ็นเค หวิดได้ประตูเช่นกัน ตรีเพชร แอนิหน กึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู กษิ์เดช รุ่งกิจวัฒนากูล นายด่านอัสสัมชัญธนบุรี เอาปลอดภัยชกบอลออกหลังไปก่อน
น.53 อัสสัมชัญธนบุรีหวิดได้ประตูหนี 3-0 อนุชา โสมณวัตร์ เก็บตกจังหวะคลุกขลิกหน้าประตู ก่อนแต่งหาจังหวะกดด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคาน น.56 อาร์เอ็นเอ็นเค หวิดไล่มา 1-2 จิตวัต กิตติพงษ์วนิช ทำชิ่งกับ จตุรเทพ ศรีสุวรรณ ก่อนที่จตุรเทพ ตวัดยิงด้วยซ้ายบอลพุ่งเฉียดเสาออกไปแบบได้ลุ้น
น.59 จากจังหวะประสานงาน คคนะ คำยก ปาดเรียดให้ อนุชา โสมณวัตร์ บรรจงไหลบอลจากกราบซ้าย บอลไปถึง วิชชากร ชอนผักแว่น ที่เสาสองชาร์จจ่อๆ ไม่พลาดให้อัสสัมชัญธนบุรีนำห่าง 3-0 ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เกิดขึ้น จบการแข่งขัน อัสสัมชัญธนบุรี ชนะ RNNK UNITED 3-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
.jpg)
.jpg)
สุพรรณบุรี เอฟซี 5 (0) คลองโคน อะคาเดมี่ 3 (0)
คู่ที่สอง เวลา 10.30 น. ระหว่าง ''ช้างศึกยุทธหัตถี'' สุพรรณบุรี เอฟซี แชมป์สาย บี พบ คลองโคน อะคาเดมี่ รองแชมป์สาย ซี เริ่มการแข่งขันครึ่งแรก ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ทั้งสองทีมเปิดเกมแรกกันทันที แต่ยังไม่มีจังหวะทำประตูมากนัก
น.11 กัตภณ นพคุณเกษมสุข กัปตันทีมคลองโคน อะคาเดมี่ ลองยิงไกลบอลโค้งข้ามคานไปนิดเดียว พลาดทำประตูขึ้นนำ น.23 สุพรรณบุรีน่าจะได้ประตูเช่นกัน ชัยสิทธิ์ นาคาแพทย์ โยนยางจากกลางสนามไปให้ นิพิฐพนธ์ วงศ์ปัญญา กองหน้าร่างใหญ่ ขึ้นเทกเหนือกองหลังคลองโคน แต่ส่งบอลเหินข้ามคานออกไป
น.24 นิพิฐพนธ์ วงศ์ปัญญา ได้ซัดเหน่งๆ ในกรอบเขตโทษบอลติดเซฟ ภูริณัฐ แขวงแดง นายด่านคลองโคนมาเข้าทาง ชัยสิทธิ์ นาคาแพทย์ แต่เจ้าตัวจับบอลหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย น.27 สุพรรณบุรีหวิดนำอีกครั้ง เมื่อ นิพิฐพนธ์ วงศ์ปัญญา คนเดิมลากบอลเข้าไปในเขตโทษด้านซ้าย ก่อนยิงเต็มข้อด้วยขวา แต่เป็น ภูริณัฐ แขวงแดง นายด่านคลองโคนออกมารับบอลได้ทัน จบครึ่งแรก สุพรรณบุรี เอฟซี ยังเสมอ คลองโคน อะคาเดมี่ 0-0
กลับมาครึ่งหลัง เป็นสุพรรณบุรีบุกเข้าใส่ทันที น.35 นิพิฐพนธ์ วงศ์ปัญญา ที่นัดนี้ได้โอกาสหลายครั้ง กระโดดโหม่งในกรอบเขตโทษ แต่ ภูริณัฐ นายด่านคลองโคนยังคว้าบอลได้ น.45 คลองโคนหวิดนำเช่นกัน กันตภณ นพคุณเกษมสุข กัปตันทีมตะบันฟรีคิกร่วม 40 หลา บอลไปตืดปลายมือ ชัยอนันต์ พานุช นายด่านสุพรรณบุรี กระโดดปัดออกหลัง
เกมดำเนินไปอย่างสูสี ทั้งสองทีมมักพลาดจังหวะสุดท้าย ทำให้ไม่มีจังหวะทำประตูมากนัก น.48 คลองโคน อะคาเดมี่ หวิดได้ประตูชัยท้ายเกม พงศ์พัชร ปาลกะวงศ์ ณอยุธยา ได้ยิงในเขตโทษบอลแฉลบแนวรับเปลี่ยนทางออกหลังไป ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน สุพรรณบุรี เอฟซี เสมอ คลองโคน อะคาเดมี่ 0-0
ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษหาผู้ชนะ ปรากฏว่าเป็นสุพรรณบุรี เอฟซี ที่แม่นกว่าเอาชนะคลองโคน อะคาเดมี่ไปด้วยสกอร์ 5-3 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นทีมที่ 2 ส่วนผลการแข่งขันอีก2 คู่ เจ้าสัวน้อย แพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-1, ร.ร.เทศบาลปลูกปัญญา แพ้จุดโทษราชบุรี มิตรผล เอฟซี 3-2 หลังจากเสมอในเวลา 1-1 รวมสกอร์ 4-3
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 13 ปี ''ช้างจูเนียร์คัพ 2017'' รอบรองชนะเลิศ ประจำวันเสาร์ที่ 16 มิ.ย.60 คู่แรก อัสสัมชัญธนบุรี พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และสุพรรณบุรี เอฟซี พบ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เริ่มคู่แรกเวลา 13.30 น. ที่สนามกีฬากองทัพบก (อาร์มี่ ยูไนเต็ด สเตเดี้ยม)
ที่มา
|