"เจ้าสัวน้อย" อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด โชว์ผลงานสุดเฉียบ เปิดบ้านเบียดเอาชนะ "กิเลนจูเนียร์" เอสซีจี เมืองทอง ไปได้อย่างสนุกสุดมันส์ 2-1 เป็นฝั่งทีมเยือนที่ได้ประตูนำก่อนตั้งแต่นาทีแรกจาก ปรุฬห์ฤทธิ์ สิงห์โนน ก่อนที่เจ้าบ้านจะมายิงแซง 2 ประตูรวดจาก อติพล คีรีรมย์ ในนาทีที่ 35+1 และจุดโทษของ ผดุงเกียรติ อาจคึดการ ในนาทีที่ 51 ส่งผลให้เจ้าถิ่นคว้าแชมป์รายการฟุตบอลมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ เออาร์เอส ยู-13 แชมเปี้ยนส์ ลีก 2014-2015 ไปครอง
อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด 2 - 1 เอสซีจี เมืองทอง
ที่สนามอัสสัมชัญธนบุรี เริ่มแข่งขันเวลา 15.00 น. เป็นการแข่งขันฟุตบอลมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ เออาร์เอส ยู-13 แชมเปี้ยนส์ ลีก 2014-2015 ในนัดชิงชนะเลิศ เป็นการพบกันระหว่างทีม "เจ้าสัวน้อย" อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ทีมนำจ่าฝูง ลงสนาม 13 นัดมี 34 คะแนน เปิดบ้านพบ "กิเลนจูเนียร์" เอสซีจี เมืองทอง ทีมอันดับ 2 ของตารางลงสนาม 13 นัดมี 32 คะแนน ซึ่งเกมนี้เจ้าถิ่นต้องการเพียงแค่เสมอก็จะคว้าแชมป์ทันที ส่วนทีมเยือนต้องชนะสถานเดียว โดยเกมนี้ทั้งคู่จัดหนักส่งแข้งหลักลงสนามกันอย่างพร้อมหน้า
ออกสตาร์ตเกมเพียงแค่นาทีเดียวทีมเยือนก็มาช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่นด้วยการได้ประตูออกนำก่อนจากจังหวะได้บอลจากฝั่งซ้ายของ ปรุฬห์ฤทธิ์ สิงห์โนน ก่อนที่จะสับด้วยขวาบอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวย เอสซีจี เมืองทอง นำ 1-0
เสียประตูไปเจ้าถิ่นที่พยายามเดินเกมบุกและกดดันผู้มาเยือนได้อย่างต่อเนื่อง และมาได้ลุ้นประตูใน น.12 จากจังหวะหลุดขึ้นไปทางซ้ายของ ทวีพร ปู่แดง ก่อนเปิดมาหน้าประตูให้ธนา อีซอ หลุดเข้าไป พยายามจะชิพ แต่บอลไม่ผ่านมือ สหรัถ นำทอง โกลทีมเยือน
น.17 ทีมเยือนเกือบหนีไปเป็น 2-0 เมื่อได้ฟรีคิกทางกราบขวา บรรพต อำนวยพรพิทักษ์ กัปตันทีมซัดไกล บอลลอยพุ่งจะมุดไ
ใต้คาน แต่นายทวารอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด กิติพัฒน์ ปิติณัฐสุนันท์ ปัดปลายมือ บอลชนคานกระเด้งออกอย่างน่าเสียดาย
รูปเกมโดยรวมยังเป็นอัสสัมชัญที่เปิดเกมกดดันผู้มาเยือนได้อย่างต่อเนื่อง และมาพลาดการได้ประตูตีเสมออีกครั้งใน น. 30 เมื่อ ผดุงเกียรติ อาจคิดการ หัวหอกตัวเก่งของทีม โหม่งเช็ดให้ ทวีพร ปู่แดง หลุดเดี่ยว แต่ยิงไปติด สหรัถ นำทอง โกลทีมเยือนอีกครั้ง
ช่วงท้ายครึ่งแรกใน น.35+1 เจ้าถิ่นอัสสัมชัญ ที่นวดอยู่นานก็มาได้ประตูตีเสมอสำเร็จ จากจังหวะเก็บตกหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่
อชิตพล คีรีรมย์ จะกระชากเข้าหาประตูแล้วกดด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบมุมอย่างสวยงาม สหรัถ นำทอง พยายามพุ่งสุดตัวแต่ไม่ทัน จบครึ่งแรก
อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด เสมอกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 1-1
กลับมาใหม่ครึ่งหลังเกมยังเป็นทางด้านอัสสัมชัญเจ้าบ้านที่ยังเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเข้าใส่มาได้ลุ้นใน น.39 เมื่อ ผดุงเกียรติ อาจคึดการ
เปิดบอลให้ พงศ์ปณต แก้ววิเชียร หยุดเข้าไปยิงไปตู แต่จังหวะสุดท้ายโดยแนวรับ เอสซีจี เมืองทอง เข้ามาเบียด ทำให้ยิงไม่เต็มเท้า บอลไปเข้ามือ สหรัถ นำทอง ชวดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย
โอกาสเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่าชัดเจนและมาได้ประตูแซงนำใน น.51 จากจังหวะพาบอลลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายของ ผดุงเกียรติ อาจคึดการ และเป็น เข็มทิศ เพ็ชรรัตน์ ที่ไปรวบล้มในกรอบเขตโทษผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกจุดโทษของเจ้าถิ่นและเป็นเจ้าตัวที่ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารยิงด้วยขวา ไม่พลาดบอลพุ่งตุงตาข่ายอัสสัมชัญแซงนำ 2-1
โดนนำทีมเยือนพยายามแก้เกมด้วยการส่งแนวรุกอย่าง มานพ กิตติพิรุฬห์ กับ ศุทธิกานต์ หอมขจร ลงมาเล่นแทน เพื่อทวงประตูคืน แต่ก็เจาะแนวรับเจ้าถิ่นไม่สำเร็จ จบเกมเป็นอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ที่เอาชนะเอสซีจี เมืองทอง ไปได้ 2-1 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้สำเร็จ
หลังเกมการแข่งขันมีพิธีปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ โดยมี ดร.มนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนมูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิด พร้อมทั้งมอบเหรียญและถ้วยรางวัลให้กับทีมแชมป์อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด และ ผดุงเกียรติ อาจคึดการ หอกจากอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ที่คว้ารางวัลดาวซัลโว ประจำทัวร์นาเมนต์ที่ยิงไป 22 ประตู ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นๆ มีดังนี้ เกร็กคู ทัพฟ้า ปทุมธานี เสมอ ธนบุรี ซิตี้ 3-3 ส่วนอีกคู่ โอสถสภา เอ็ม-150 ชนะ กรุงเทพคริสเตียน 1-0
ที่มา www.siamsport.co.th/Sport_Football/150307_327.html
|