วันที่ 25 กันยายน 2565 เวลา 17.30 น. ณ สนามกีฬา สมโภช เชียงใหม่ 700 ปี ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 48 นัดชิงชนะเลิศอันดับ 3 ทีมชาติไทย ลงสนามพบกับ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก
เกมนี้ มาโน โพลกิ้ง เปลี่ยนนักเตะหลายตำแหน่ง โดยให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เป็นกองหน้าตัวเป้า พร้อมมี สุภโชค สารชาติ, จักรพันธ์ แก้วพรม และ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว สนับสนุน
เริ่มเกมมา 9 นาที ไทยได้ลุ้นจากลูกเตะมุม ที่ เฉลิมศักดิ์ อักขี ได้โขก แต่โดนอัลวิน โจนส์ สกัดออกมาแบบหวุดหวิด
นาที 12 ไทยมาได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ได้กดด้วยซ้ายแต่ มาร์วิน ฟิลลิปส์ ปัดออกหลังไป
นาที 21 ไทยมาได้ประตูออกนำ จากการเพรสซิ่งที่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และบอลกระฉอกมาเข้าทาง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ยิงด้วยซ้ายเข้าไปให้ ทีมนำก่อน 1-0 และเป็นประตูแรกในการลงสนามทีมชาติไทยชุดใหญ่เกมแรก
นาที 24 ตรินิแดด ได้ลุ้นครั้งแรกจากจังหวะที่ เลวี การ์เซีย เปิดให้ เรออน มัวร์ โขกไปติดตัว กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก
นาที 26 การต่อบอลสุดสวย และเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา วิ่งเข้ามายิงด้วยขวาแต่ยังไปติดเซฟของ มาร์วิน ฟิลลิปส์ และหลังจากนั้นไม่มีจังหวะเพิ่มเติมจบครึ่งแรก ทีมชาติไทย นำอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง นาที 60 ตรินิแดด ได้ลุ้นจากจังหวะยิงของ เควิน โมลิโน แต่ กิตติพงษ์ ภูแถวเชือกยังปัดออกไปได้
นาที 61 ตรินิแดด มาตีเสมอได้จากลูกเตะมุม และเป็น คารีม โมเสส ที่โขกไปแฉลบ กฤษดา กาแมน เข้าไปให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1
นาที 65 มาโน แก้เกมด้วยการส่ง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ และ พิชา อุทรา ลงไปเล่นแทน ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ธีราทร บุญมาทัน และจักรพันธ์ แก้วพรม
นาทีที่ 72 ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว พาบอลแหวกตรงกลางก่อนไหลให้ สุภโชค สารชาติ ปั่นด้วยขวาเข้าไปให้ไทยนำอีกครั้งเป็น 2-1
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติมจบเกม ทีมชาติไทย เฉือนชนะ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ไป 2-1 และคว้าอันดับ 3 ของคิงส์ คัพ มาครอง
โดยหลังจากนี้ นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย จะแยกย้ายกลับไปที่สโมสร และจะรวมตัวกันอีกครั้งในการเตรียมทีมสำหรับฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 หรือ AFF Mitsubishi Electric Cups 2022 ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
รายชื่อ 11 ตัวจริง
ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, ธีราทร บุญมาทัน (C), กฤษดา กาแมน, สุภโชค สารชาติ ,จักรพันธ์ แก้วพรม, ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ,พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก (GK), เฉลิมศักดิ์ อักขี, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว