การแข่งขันฟุตบอล "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" ที่ประเทศสิงคโปร์ ประจำวันพุธที่ 29 ธ.ค.64 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย คู่ระหว่าง พลพรรค "การูด้า" ทีมชาติอินโดนีเซีย อดีตรองแชมป์รายการนี้ 5 ครั้ง ลงสนามพบกับทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ดีกรีเจ้าของแชมป์ 5 สมัยมากที่สุดในรายการนี้
โดยอินโดนีเซีย ที่มี "ชิน แท-ยอง" คุมทัพ มาในระบบ 5-4-1 ที่สามารถยืดหยุ่นเปลี่ยนมาใช้ 3-4-3 ได้ เกมนี้ปรับทัพเพียงแค่ 3 ตำแหน่ง จากเกมรอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ที่เอาชนะเจ้าภาพสิงคโปร์ ในเวลา 120 นาทีด้วยสกอร์ 4-2 เกมนี้ส่ง 3 แข้งอย่าง เอโด เฟบรียันชะฮ์, เดดิก เซอตียาวัน และ อิรฟาน จายา แนวรุกตัวเก่งที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูนำเป็นดาวซัลโวของทีม กลับมาออกสตาร์ตตัวจริงในเกมนี้อีกครั้ง
ด้านทีมชาติไทย ที่มี "มาโน่ โพลกิ้ง" คุมทัพ เกมนี้มีการปรับเปลี่ยนนักเตะถึง 7 ราย จากเกมรอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ที่เสมอเวียดนาม 0-0 หลังจากมีนักเตะบาดเจ็บและติดโทษแบน แถมเปลี่ยนระบบมาเป็น 4-2-3-1 โดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เฝ้าเสาแทน ฉัตรชัย บุตรพรม ที่มีอาการบาดเจ็บปิดฉากทัวร์นาเมนต์นี้ไปแล้ว
เพียงแค่นาทีเดียวทัพ ทัพ "ช้างศึก" เกือบได้ประตูขึ้นนำเมื่อ บดินทร์ ผาลา พาบอลตะลุยขึ้นมาทางซ้ายจนถึงสุดเส้นหลังและตัดสินใจยิง แต่ทาง นาเดโอ อาร์กาวีนาตา ยังปัดไว้ได้ก่อนจะไปโดนแขนของ สุภโชค สารชาติ ทำให้เป็นลูกแฮนด์บอลไป
กระทั่ง น.2 ทีมชาติไทย ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ฟิลิป โรลเลอร์ ตะลุยขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะหลุดเข้าในเขตโทษ และจ่ายบอลย้อนมาตรงกลางก่อนจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ตั้งเท้าซัดเต็มข้อเน้น ๆ บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ชนิดที่ นาเดโอ อาร์กาวีนาตา นายด่านอินโดนีเซีย หมดสิทธิ์เซฟ นอกจากนี้ยังเป็นลูกที่ 3 ของ "กัปตันเจ" ในทัวร์นาเมนต์นี้ด้วย
น.14 ทีมชาติไทย น่าจะได้ประตูที่สองเมื่อ สุภโชค สารชาติ พาบอลลากขึ้นมาสุดเส้นหลังฝั่งซ้่ายก่อนตักบอลไปที่เสาสอง บดินทร์ ผาลา วอลเลย์เต็มข้อแบบไม่จับ อัซนาวี มังกูวาลัม เคลียบอลได้ตรงเส้นพอดีแต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย ก่อนที่ เอเลียส ดอเลาะ ได้โหม่งซ้ำดาบสองเน้น ๆ กลางประตู ทว่าบอลดันเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียได้
น.34 เอเลียส ดอเลาะ กองหลังทีมชาติไทย ได้รับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมนี้ หลังไปเข้าหนักใส่ รัคมัต อีร์ยานโต กองกลางอินโดนีเซีย บริเวณกลางสนาม อย่างไรก็ตาม น.38 จากจังหวะนี้เอง เอเลียส ดอเลาะ มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข้าซ้าย จนเล่นต่อไม่ไหว ก่อนจะเปลี่ยน ปกเกล้า อนันต์ ลงมาเล่นแทน
น.41 อินโดนีเซีย พลาดโอกาสทองได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่ วิตัน ซูเลมาน พาบอลสวนกลับเร็วขึ้นมาทางซ้ายก่อนจะปาดเข้ามากลางประตู บอลเลยมาถึงแถวสอง และเป็น อัลเฟอันดรา เดวังกา ที่ยืนอยู่คนเดียวโล่ง ๆ บรรจงยิงด้วยซ้าย ทว่าบอลดันเหินข้ามคานออกไปแบบไม่น่าเชื่อ
น.45+2 ทัพ "ช้างศึก" เกือบได้ประตูที่สองอีกครั้งเมื่อ สุภโชค สารชาติ จ่ายบอลไปทางซ้ายในกรอบเขตโทษ บดินทร์ ผาลา ได้โอกาสปั่นโค้ง ๆ บอลกำลังเลี้ยวเข้าประตู แต่ นาเดโอ อาร์กาวีนาตา ยังโชว์เซฟบินปัดออกหลังไปได้ ก่อนจะจบครึ่งแรกทีมชาติไทย ยังออกนำ อินโดนีเซีย อยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง อินโดนีเซีย ขยับเปลี่ยนตัว 3 คนรวด โดยถอดทาง ฟัครูดิน อาร์ยันโต, รัคมัต อีร์ยานโต และเอโด เฟบรียันชะฮ์ ออกไปพัก และส่งทาง เอลแกน แบกกอตต์, อิวาน ดิมาส และกาเด็ก อากุง ลงมาเล่นแทน
น.50 ทัพ "ช้างศึก" น่าจะได้ประตูหนีห่างเมื่อ สุภโชค สารชาติ ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะตัดสินใจยิงเอง บอลไปแฉลบผู้เล่นอินโดนีเซีย ออกหลังไป
กระทั่ง น.52 ทีมชาติไทย มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จนได้จากจังหวะสวนกลับเร็ว สุภโชค สารชาติ พาบอลตะลุยขึ้นมาก่อนจะพยายามหาโอกาสยิงแต่มีผู้เล่นอินโดนีเซีย ยืนกันแน่นไปหมด ก่อนจะจ่ายย้อนมาให้กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ วิ่งเข้ามาซัดเต็มข้อแบบไม่ต้องจับส่งบอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม และเป็นลูกที่สองของเขาในเกมนี้ รวมถึงเป็นประตูที่ 4 ในทัวร์นาเมนต์นี้ขึ้นมารั้งดาวซัลโวร่วมกับ ธีรศิลป์ แดงดา, ซาฟาวี ราชิด (มาเลเซีย) และเบียนเวนิโด มอเรยอน (ฟิลิปปินส์)
น.60 ทัพ "ช้างศึก" ขยับเปลี่ยนตัวอีก 2 คน โดยส่งทาง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และศุภชัย ใจเด็ด ลงมาเล่นแทน พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และธีรศิลป์ แดงดา
น.62 โอกาสทองของอินโดนีเซีย ที่เกือบได้ประตูตีไข่แตกเมื่อ อิรฟาน จายา ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษทางซ้าย ก่อนจะตวักยิงเล่นทางแต่ยังไปติดเซฟ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่ยังยืนตำแหน่งได้ดีช่วยเคลียบอลออกไปได้
น.67 ทีมชาติไทย มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 จากจังหวะที่ ฟิลิป โรลเลอร์ ปาดบอลจากฝั่งขวาเข้ามาตรงกลาง บอลเลยมาถึง สุภโชค สารชาติ ได้ซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบเสาเข้าประตูไปอย่างงดงาม และเป็นลูกที่ 3 ของเขาในทัวร์นาเมนต์หนนี้ด้วย
น.74 มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ตัดสินใจส่ง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูมือสอง ลงสนามมาเฝ้าเสาเป็นนัดแรกของทัวร์นาเมนต์หนนี้แทนที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน
น.83 ทีมชาติไทย มาได้อีกหนึ่งประตูหนีอินโดนีเซียเป็น 4-0 จากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จ่ายบอลทะลุช่องไปให้กับ บดินทร์ ผาลา หลุดเข้าเขตโทษและส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายไปอย่างง่ายดาย
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่มเติม จบเกม ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติอินโดนีเซีย ไปด้วยสกอร์ 4-0 ทำให้ทัพ "ช้างศึก" กุมความได้เปรียบเข้าใกล้สู่บังลังก์แชมป์อาเซียนสมัยที่ 6 เข้าไปทุกขณะ ส่วนพลพรรค "การูด้า" จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ เป็นการปราชัยครั้งแรกใน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" อีกด้วย
สำหรับโปรแกรมรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง ระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย จะลงเตะในวันเสาร์ที่ 1 ม.ค.65 ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และช่อง AIS Play