ศึกฟุตบอลเยาวชนแห่งชาติ "ไทยแลนด์ ยูธ ลีก" รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ประจำฤดูกาล 2018-19 รอบแชมเปี้ยนส์ชิพ ชิงแชมป์ประเทศไทย ที่ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่สนามกีฬาสะพานหิน รอบ 8 ทีมสุดท้าย 

 

    คู่แรก เป็นการโคจรมาเจอกันของ "เดอะบลู แมชชีน" บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบกับ "โลมามหาภัย" พัทยา ยูไนเต็ด ช่วงต้นเกม เป็นทางฝั่ง บีจี ปทุม วิ่งเข้าบีบพื้นที่เร็วทำให้ ฝั่งพัทยา ครองบอลลำบาก  นาทีที่ 11 บีจี ปทุม ที่ครองเกมบุกหาช่องเจาะเข้าทำอยู่พักใหญ่ มาได้ประตูปลดล็อก 1-0 จากจังหวะเพื่อนจ่าย บอลทะลุช่อง ไปให้ ณัฐกิตติ์ บุตรสิงห์ ลากตะลุยเดี่ยวฝ่าแนวรับ ก่อนแตะหนี ผู้รักษาประตู อีกที ยิงเข้าไปยิงแบบเหนือชั้น 

 

 

    นาทีที่ 18 บีจี ปทุม ที่เดินหน้าบุกใส่ มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 บอลเปิดจากริมเส้นฝั่งขวา มาให้ ณัฐกิตติ์ บุตรสิงห์ คนเดิมยิงแบบไม่ต้องจับ บอลพุ่งเสียบมุม เข้าไป เป็นประตูที่ 2 ของเจ้าตัวในเกมนี้ 

 

  จากนั้น น.24  พัทยา ที่มีความผิดพลาดในแนวรับ จังหวะบอลครอสจากริมเส้นอีกแล้ว โยนมาพุ่งๆ ผู้รักษาประตูพัทยา สุธพร คงวุฒิ ปัดบอลไม่เคลียร์ มาเข้าทาง ศุภสัณห์ อาจรอด แนวรุก บีจียืนเก็บบอลจังหวะสอง ก่อนเลือกยิงเล่นทางเข้าไป ส่งให้ "เดอะบลู แมชชีน จูเนียร์" นำขาด 3-0 

 

    พัทยา ไม่มีอะไรจะเสีย พยายามเปิดเกมรุกแลก น.31 จังหวะ ประวิตร เกิดผล ใช้ความสามารถลากตัดเข้าในจากริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนปาดเข้ามาในเขตโทษ บอลคลุกคลิก สุดท้าย เผด็จ แก้วมณี ยิงซ้ำเข้าไป ทัพโลมาจูเนียร์ ไล่มาห่างๆ 1-3 เวลาที่เหลือ ฝั่งพัทยา เดินหน้าบุกหวังทวงประตูไล่คืน ทำให้ บีจี ถอยลงไปตั้งรับ แต่ยังไม่มีประตูเพิ่ม จบ 40 นาทีแรก บีจี ปทุม ยังนำ พัทยา 3-1

 

    ครึ่งหลัง พัทยา เดินหน้าบุกต้องการทวงประตูคืนให้เร็วที่สุด น.30 จรัสพงษ์ นิยมรัตน์ ตัวทำเกมของพัทยา ลากมาริมเส้น ก่อนตัดเข้าใน ยิง ไม่ตรงกรอบน.33 บีจี ได้โต้กลับ ณัฐกิตต์ ฉกบอลก่อน ลากเข้าเขตโทษ จ่ายไปให้ ธนกฤต ละออไขย์ เติมมาเจ้าตัวตัดสินยิงข้ามคาน 

 

   ช่วงทดเจ็บ บีจี มาได้ประตูตอกฝาโรง จังหวะตัดบอลได้กลางสนาม ศตวรรษ ลีลา ได้จ่ายทะลุช่องไปให้ ณัฐกิตต์ หลุดเดี่ยวก่อนล็อกหลบ ผู้รักษาประตูเข้าไปยิงอย่างเยือกเย็น เป็นแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้ จบเกม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ถล่ม พัทยา ยูไนเต็ด 4-1 ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ โดยจะเข้าไปรอพบ ผู้ชนะระหว่าง นครสวรรค์ เอฟซี หรือ สมุทรสาคร เอฟซี 

 

   คู่ต่อมา เป็นเกมที่สนามมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต "ปราสาทสายฟ้าจูเนียร์" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ "มังกรโล่เงิน" โปลิศ เทโร เอฟซี สภาพสนามที่เละ ทำให้ทั้งสองทีม ไม่สามารถครองบอลทำเกมได้เลย ต้องใช้ลูกโยนโจมตีใส่กัน นาทีที่ 16 บุรีรัมย์ มีลุ้นประตูขึ้นนำ จังหวะบอลเปิดจากด้านข้าง มาให้ ภานุพงศ์ วงค์พิลา ได้ขึ้นโหม่งคนเดียว แต่บอลไปชนเสา จากนั้น ทั้งสองทีมไม่มีจังหวะยิงกันเท่าไร ทำให้จบครึ่งแรก เสมอกัน 0-0 

 

    ครึ่งหลัง เทโร ทำเกมรุกได้น่ากลัว ทำให้ บุรีรัมย์ ต้องลงไปตั้งรับนาทีที่ 51 เทโรจูเนียร์ มาได้ประตูออกนำ อนุสรณ์ ทะเลิงรัมย์ ลากเข้าเขตโทษได้ยิงในจังหวะแรกติดเซฟ ผู้รักษาประตู แต่ไม่พ้นมาเข้าทาง ธีรพัฒน์ โฉมกระโทก ซ้ำจ่อๆเข้าไป ส่ง โปลิศ เทโร นำ 1-0  มาถึงนาที 69 บุรีรัมย์ ที่ขึงเกมบุกเต็มที่มาตามตีเสมอ ไกรสร รุ่งเรือง ได้ซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม เกมมาเสมอกัน 1-1 เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม บุรีรัมย์ เสมอ โปลิศ เทโร 1-1 ต้องยิงจุดโทษตัดสินปรากฏว่าในช่วง ดวลจุดโทษ เป็นฝั่ง โปลิศ เทโร ยิงแม่นกว่าเอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 6-4 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ไปรอเจอผู้ชนะระหว่าง อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด หรือ หนองบัว พิชญ เอฟซี

 

 

   สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน ฟุตบอลเยาวชนแห่งชาติ "ไทยแลนด์ ยูธ ลีก" รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 26 มิถุนายน คู่แรกเวลา 13.00น. นครสวรรค์ เอฟซี พบกับ สมุทรสาคร เอฟซี ที่สนามกีฬาสะพานหิน และ เวลา 16.00น. อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด พบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่สนามม.ราชภัฏภูเก็ต