การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2019 รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ทีมชาติไทย ยู-22 ของ อเล็กซานเดร กาม่า มีคิวดวลแข้งกับ เจ้าภาพ กัมพูชา ในรอบรองชนะเลิศ ที่สนามกีฬาแห่งชาติ โอลิมปิก กรุงพนมเปญ
ทัพช้างศึกผ่านเข้ามารอบเป็นอันดับสองของกลุ่มเอ แข่ง 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 โดยเอาชนะ ติมอร์-เลสเต 1-0, ชนะ ฟิลิปปินส์ 3-0 และ เสมอ เวียดนาม 0-0 ขณะที่ กัมพูชา เป็นแชมป์กลุ่มบี แข่ง ชนะ 2 แพ้ 1 เอาชนะมาเลเซีย 1-0, ชนะเมียนมาร์ 2-0 และ แพ้อินโดนีเซีย 0-2 ซึ่งการแข่งขันในรอบตัดเชือกอีกหนึ่งคู่ อินโดนีเซีย เฉือนเอาชนะเวียดนาม 1-0 เข้าไปยืนรอในรอบชิงชนะเลิศ
สำหรับรายชื่อ 11 ผู้เล่นทัพ "ช้างศึกพลังหนุ่ม" ทีมชาติไทย ประกอบไปด้วย กรพัฒน์ นารีจันทร์ (ผู้รักษาประตู) , กฤษฎา นนทรัตน์ , มาร์โก้ บัลลินี่ , ชาติชาย แสงดาว , ศฤงคาร พรมสุภะ (กัปตันทีม) , กิตติพงษ์ แสนสนิท , พัชรพล อินทนี , สกุลชัย แสงโทโพธิ์ , เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ , ธัญพิสิษฐ์ คุขะละโม , เจษฎากร ขาวงาม
น. 12 กัมพูชา ทำเกมสวนกลับ บรัค ทิวา ลากบอลมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนปาดมาที่หน้าประตูให้กับนารอง คาคาดา ได้ซัดด้วยขวาแต่ กรพัฒน์ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้
เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทีมชาติไทยยังไม่มีโอกาสยิงประตูมากนัก โดยแนวรับของเจ้าภาพสามารถดักบอลได้หมดและอาศัยเกมโต้กลับคอยเล่นงาน และมีโอกาสส่องไกลอีกครั้งจากบรัค ทิวา ในนาที31 ที่ได้ซัดระยะประมาณ 25 หลา แต่บอลเฉี่ยวเสาไปนิดเดียว
ถัดมา น.34 ธัญพิสิษฐ์ ได้ลองยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษด้วยเท้าขวาบอลพุ่งได้ลุ้นแต่เช็ดคานออกหลังไป
ท้ายครึ่งแรก น.44 ยิว มูสลิม ได้โอกาสยิงไกล แต่บอลยังไปตรงตัวของกรพัฒน์ จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันอยู่ 0-0
น.64 ทีมชาติไทยเปลี่ยนตัวคนแรก โดยส่งกรวิชญ์ ทะสา ลงแทนเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย โอกาสทำประตูของทีมชาติไทยยังมีไม่มากนัก น.76 ทัพช้างศึกพลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำเมื่อกรวิชญ์ ได้จิ้มบอลหน้าประตูบอลเปลี่ยนทางผ่านตัวฮุล คิมฮวย นายด่านกัมพูชาไปแล้ว แต่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 ทิวา แนวรุกตัวเก่งของเจ้าภาพลากบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะปั่นด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานออกไป หมดเวลาการแข่งขันเสมอกัน 0-0 ทำให้ต้องไปเล่นต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
เริ่มแข่งในช่วงต่อเวลาพิเศษ น.92 ทิวา เล่นลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้าย เปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษ บอลลอยข้ามหัวกรพัฒน์ แล้วไปชนคานเด้งออกมา
จบครึ่งแรกของการต่อเวลายังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น เสมอกันอยู่ 0-0
ช่วงท้ายครึ่งหลังของการต่อเวลา กรวิชญ์ ได้ซัดฟรีคิกระยะประมาณ 22 หลา บอลลอยได้ลุ้นประตูแต่ไปชนเสาอย่างจัง หมดเวลา 120 นาที เสมอ 0-0 ต้องไปตัดสินหาผู้ชนะในการดวลลูกจุดโทษ
คนแรกไทย : ศฤงคาร พรมสุภะ ยิงเข้า ไทยนำ 1-0
คนแรกกัมพูชา : เทส สัมบัธ ยิงเข้า เสมอกัน 1-1
คนที่สองไทย : ฤทธิเดช เพ็ญสวัสดิ์ ยิงเข้า ไทยนำ 2-1
คนที่สองกัมพูชา : สิน กากาดา ยิงไม่เข้า ไทยยังนำ 2-1
คนที่สามไทย : เจษฎากร ขาวงาม ยิงเข้า ไทยนำ 3-1
คนที่สามกัมพูชา : นารงค์ กากาด้า ยิงเข้า ไทยยังนำ 3-2
คนที่สี่ไทย : กรวิชญ์ ทะสา ยิงเข้า ไทยทิ้งห่าง 4-2
คนที่สี่กัมพูชา : อิน โสดาวิด ยิงเข้า ไทยยังนำ 4-3
คนที่ห้าไทย : มาร์โก บัลลินี่ ยิงเข้า ทำให้ไทยเอาชนะไปได้ 5-3
โดยทีมชาติไทยจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับอินโดนีเซีย ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลา 18.30 น. ส่วน กัมพูชา ชิงอันดับ 3 พบ เวียดนาม ในวันที่ 26 ก.พ.62 เช่นเดียวกัน เวลา 15.30 น.