พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าววันพุธที่ 24 ต.ค.ที่ กกท.เวลา 11.00 น.ขอเปิดใจหลังโดนปลดออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯอย่างหมดเปลือก ว่าตลอดการทำงาน 3 ปีกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อให้ประชาชน และคนฟุตบอลได้ตัดสินว่าใครถูกใครผิด รวมถึงประเด็นร้อนในการขอท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯคนต่อไปด้วย
จากที่มีข่าวว่า "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเรื่องการปลด "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฯ หลังจากร่วมงานกันมาเกือบ 3 ปี
โดยสาเหตุหลักๆ มาจากสภากรรมการ และสโมสรสมาชิก ต้องการให้เปลี่ยนเลขาธิการ มีการเข้าชื่อกันมามากมาย และในการโหวตจากสภากรรมการก็มีคะแนนเสียงเอกฉันท์ว่า ให้เปลี่ยนเลขาธิการ เพราะไม่พอใจการดำเนินงานต่างๆ ของ พล.ต.ท.พิสัณห์ รวมถึงเรื่องการให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า แคมป์ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ยู -16 มีการใช้สารเสพติด จนเกิดความไม่พอใจแก่สมาชิกและผู้ปกครอง
ล่าสุด "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ได้ออกมาพูดถึงเรื่องการโดนปลดว่า เรื่องทั้งหมดยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง เหตุผลหลักๆก็คือมีปัญหากันมาอย่างยาวนาน ซึ่งผมไม่อยากขอลงรายละเอียดอะไรมากในตอนนี้ แต่จะขอแถลงข่าวให้ทราบในวันพุธที่ 24 ต.ค.ที่ห้องประชุมชั้น 24 กกท.ในเวลา 11.00 น.
"ประเด็นหลักๆที่จะแถลงก็คือปัญหา และสิ่งที่มันเกิดขึ้นภายในสมาคมกีฬาฟุตบอลฯตลอดช่วง 3 ปีกว่าที่ทำงานกันมา อยากจะให้ประชาชน คนวงการฟุตบอลได้รับทราบและได้ตัดสินว่าใครถูกใครผิดกันแน่ รวมถึงประเด็นที่ว่าผมจะลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลคนต่อไป และเรื่องการเงินที่เป็นปัญหาอยู่ด้วยจะแถลงให้ทราบในวันนั้นเลย" "บิ๊กเจี๊ยบ" กล่าว
ขณะที่ทางฝั่ง พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯก็ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการปลด พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ออกจากตำแหน่งเลขาธิการฯว่า "เรื่องนี้มาจากสมาชิกและผู้ปกครองไม่พอใจอย่างมาก ตำหนิอย่างหนัก ในแคมป์มีประมาณ 30 คน แล้วใครเป็นคนเสพ พล.ต.ท.พิสัณห์ ก็บอกผมว่าจะรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่ผมก็ถูลู่ถูกังมา จนเรื่องเงียบ ทว่าภายในก็ยังมีการกดดันเรื่อยๆ กระทั่ง 2 เดือนก่อนหน้า เข้าชื่อกันมา ผมก็ต่อรองว่า ไว้หลัง ซูซูกิคัพ หรือ เอเชียน คัพ แต่ก็ทานไม่ไหว ผมก็จนแต้ม เพราะการที่ผมนั่งนายกสมาคมฯ เพราะแรงสนับสนุนจากสมาชิก"
"เรื่องนี้มันเหมือนไฟสุมขอน ผมพยายามแบกมาตลอด อันเนื่องมาจากการบริหารงาน ที่ทำให้เกิดความแตกแยกในองค์กร จนต้องดำเนินการ ผมนั่งทานข้าวกัน แล้วก็เสนอว่า ลาออกไหม หรือจะเป็นประธานที่ปรึกษา จะได้สง่างาม แต่เขาไม่เอา บอกว่าสมัยหน้าจะลงชิงนายกเอง ก็เลยต้องแยกทางกัน"