ศึก ''เอ็ม-150 คัพ 2017'' ระหว่างวันที่ 9-15 ธันวาคม 2560 นี้ ที่สนามไอ-โมบาย สเตเดี้ยม จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นเกมประเดิมสนาม เวลา 20.00 น. ของสายเอ ทัพ ''ไอ้หนุ่มช้างศึก'' ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รับมือ ''ซามูไรบลูส์'' ทีมชาติญี่ปุ่นรุ่นอายุไม่เกิน 21 

  

    โซรัน ยานโควิช โค้ชทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี มาในระบบ 4-1-3-2 โดยมี รัตนัย ส่องแสงจันทร์ เฝ้าเสา แนวรับจากขวาไปซ้าย จักรกฤษ เวชภิรมย์, ศฤงคาร พรหมสุภะ, ชินภัทร์ ลีเอาะ และ วันชัย จารุนงคราญ แดนกลางมี รัตนากร ใหม่คามิ เป็นตัวรับ แนวรุก จากขวาไปซ้าย ธนาสิทธิ์ ศิริผลา, สุภโชค สารชาติ และ พิชา อุทรา กองหน้าใช้ ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา จับคู่กับ เจนรบ สำเภาดี 

 

 

    ด้าน ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือใหญ่ทีมชาติญี่ปุ่นจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม โดยมี ไคสุเกะ โอซาโกะ เป็นผู้รักษาประตู แนวรับมี โฮโนยะ เซียวจิ, โซโกะ อาซาด้า, จุน โอคาโนะ และ โทโมกิ อิวาตะ แดนกลางใช้ ยูตะ คามิยะ, ไดกิ สุงะ จากคอนซาโดเล่ ซัปโปโร, คาโอรุ มิโตม่า, ทาอิชิ ไมซูโมโต้ แดนหน้า ใช้ เรโอะ ฮาตาเตะ กับ เร็น โคมัตสึ 

 

    เปิดฉากครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังไม่ผลีผลามเดินเกมรุกมากนัก ก่อนในน.5 ''ไอ้หนุ่มช้างศึก'' จะได้ทักทายก่อนจากจังหวะบอลตามช่องที่ ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ได้หลุดขึ้นไปทางฝ่งขวาก่อนจะหักมาให้ สุภโชค สารชาติ วิ่งมายิงด้วยขวา บอลข้ามคานไป น.7 ญี่ปุ่นมาได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่ได้ครอสบอลจากกาบขวา คาโอรุ มิโตม่า เก็บบอลได้ก่อนจะโหม่งให้ เร็น โคมัตสึ ได้ลองวอลเลย์แต่บอลไม่เต็มเท้า รัตนัย ส่องแสงจันทร์ รับไว้ได้แบบไม่มีปัญหา

 

    เข้าสู่ น.20 ทีมชาติไทยเกือบพลาดเสียประตู จากจังหวะที่สกัดบอลกันไม่ดี บอลไปเข้าทาง เร็น โคมัตสึ พาบอลไปยิงด้วยซ้ายตรงหน้ากรอบ บอลกำลังจะเสียบสามเหลี่ยม แต่ รัตนัย ส่องแสงจันทร์ โชว์ซูเปอร์เซฟอีกครั้ง น.33 ทีมชาติทย ยู-23 ตั้งเกมสู้และมาได้ลุ้นบ้าง จากจังหวะที่ ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ได้ครอสบอลจากมุมกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ เจรรบ สำเภาดี โหม่งบนเส้น 6 หลา แต่ทิศทางและน้ำหนักไม่ดี แนวรับทีมชาติญี่ปุ่นตามมาสกัดบอลออกมาได้ทัน

 

    ท้ายครึ่งแรก เกมเปิดแลกกันมากขึ้น น.38 ทีมชาติไทย ยู-23 มีโอกาสครองบอลต่อเกมรุกมากขึ้น และมาได้ลุ้นประตูจากจังหวะลองยิงไกลของ พิชา อุทรา ที่กดด้วยขวาจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลยังข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย น.45 สุภโชค สารชาติ ได้ลองยิงไกลจากหน้ากรอบด้วยขวา แต่บอลก็ยังโค้งหนีเสาซ้ายมืออกไป จบครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้ สกอร์นิ่งอยู่ 0-0 

 

 

    เปิดเกมลงมาครึ่งหลัง ไทยเปลี่ยนตัวถอดรัตนัย ส่องแสงจันทร์ ออก ส่งนนท์ ม่วงงาม ลงเฝ้าเสาแทน และเมื่อผ่านถึง น.49 กองเชียร์ไทยได้เฮ จากจังหวะเล่นเตะมุมสั้นเปิดเข้ามา ลูกแฉลบลอยมาเหมือนไม่น่ามีอะไร แต่มือกาวญี่ปุ่นพลาดรับไม่อยู่ เลยโดน ชินภัทร์ ลีเอาะ แตะต่อให้ ศฤงคาร พรหมสุภะ กดเน้นๆ ไม่เหลือให้ทีมชาติไทยทะยาน 1-0

 

    อย่างไรก็ตาม อีกเพียง 3 นาทีต่อมา หรือ น.52 ญี่ปุ่น ก็ตามตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1 จากจังหวะที่ ยูตะ คามิยะ มิดฟิลด์กัปตันทีม หาช่องส่องไกลด้วยซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษ ลูกพุ่งเสียบเสาซ้ายมือ นนท์ ม่วงงาม ที่พยายามพุ่งไปแล้วแต่ไม่ถึง 

 

 

    ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกม ไทย เปลี่ยน 2  คน ถอด ศุภโชค สารชาติออก ส่ง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญลงแทน และ ถอด ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา ส่ง ชัยวัฒน์ บุราณ แทน และเมื่อเข้าสู่ น. 64 ชัยวัฒน์ ก็แผลงฤทธิ์เมื่อวิ่งไปรับลูกวางยาวจากแดนหลัง พักอกก่อนซัดผ่าน ไคสูเกะ โอซาโก เข้าไปอย่างร้ายกาจ ทำให้ ช้างศึก นำอีกครั้ง 2-1 

 

    ญี่ปุ่นลุยแหลก แต่ นนท์ ม่วงงาม โชว์เซฟงามๆ ได้หลายช็อต ก่อนที่ น. 70 ซามูไรถอด  เรียว นาคาเตะ ออก ส่ง คิวาตะ มิยาซากิ ลงเล่นแทน หวังเอาประตูให้ได้ ขณะที่ น. 73 ไทยถอด วันชัย จารุนงคราญ ออกส่ง สหรัฐ ปองสุวรรณ เล่นแทน

 

    ทั้งสองทีมทยอยเปลี่ยนตัว น. 75 ญี่ปุ่นถอด โชโกะ อาซาดะ  ออก ส่ง  อายาเซะ ยูเอดะ ลง ก่อนที่อีกสามนาทีถัดมา ไทยถอด ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ออกส่ง เชาว์วัฒน์ วีระชาติ แทน

 

    ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมทีมชาติไทย ยู-23 เอาชนะไป 2-1 เก็บชัยชนะประเดิมศึก เอ็ม-150 คัพ อย่างสวยงาม โดยโปรแกรมนัดต่อไปวันที่ 11 ธ.ค. 60 ที่ ไอโมบาย สเตเดี้ยม จะมีการแข่งขัน 2 คู่คู่แรก สายเอ ญี่ปุ่น พบ เกาหลีเหนือ เวลา 16.00 น. และคู่ที่ 2 สายบี  เมียนมาร์ พบ อุซเบกิสถาน เวลา 20.00 น. ส่วนทีมชาติไทย จะลงสนามนัดที่ 2  วันที่ 13  ธ.ค.60 เวลา 20.00 น. พบทีมเกาหลีเหนือ