5 นาทีที่เหลือในครึ่งแรก ออสเตรเลีย โหมโจมตีหนักสุดๆ แต่ไทยยังยันเอาไว้ได้ จบครึ่งแรก สกอร์ 0-0

 

    เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 46 ธีรศิลป์ แดงดา หลุดเดี่ยว ก่อนจังหวะง้างเท้ายิง โดนกองหลังออสเตรเลีย สอยจากด้านหลัง แบบไม่โดนบอล ทว่า กรรมการไม่ให้จุดโทษอย่างเหลือเชื่อ

 

    นาทีที่ 53 แอร่อน มอย ได้ซัดนอกเขตโทษด้วยขวา แต่วางเท้าได้ไม่ดี บอลไซด์ก้อยออกหลังไป

 

ช้างศึกสู้ยิบตา "ปกเกล้า" ยิงตีเจ๊าก่อนพ่ายจิงโจ้หวิวท้ายเกม

    นาทีที่ 55 ออสเตรเลีย เจาะด้านขวาบ้าง ครอสบอลเข้ามา ให้แมทธิว เล็กกี้ โหม่ง แต่เบาเกินไปเข้ามือสินทวีชัย ออสเตรเลีย เล่นชิ่งสั้นๆ ก่อนบอลมาเข้าทาง โทมัส โรยิช ยิงอัดเต็มๆด้วยขวา แต่สินทวีชัยรับเข้าซองได้สวย

 

    ผ่านไป 1 ชั่วโมง ออสเตรเลียยังครองบอลเหนือกว่าชัดเจน และมีโอกาสมากกว่า 20 ครั้ง แต่ยังเจาะไทยไม่ได้

 

    นาทีที่ 68 ออสเตรเลีย ยิงชนเสาเป็นครั้งที่ 3! จากจังหวะเตะมุมบอลเด้งมาเข้าทางโรยิช ยิงเต็มๆในเขตโทษ แต่ชนเสาอีกครั้ง 

 

    อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 70 ความพยายามของออสเตรเลีย ก็เป็นผล เมื่อแอร่อน มอย เปิดบอลด้านข้าง เข้าหัว โทมี่ ยูริชเต็มๆ เข้ากลางประตู  ออสซี่นำ 1-0 

 

    นาทีที่ 74 โรยิช ยิงไกลด้วยเขตโทษด้วยซ้าย บอลเข้ากรอบแต่ สินทวีชัยปิดออกไปได้ และจากจังหวะเตะมุมช็อตนั้น ออสเตรเลีย ได้โหม่งเต็มๆ แต่ ทริสตอง โด สกัดไว้จากเส้นประตู 

 

ช้างศึกสู้ยิบตา "ปกเกล้า" ยิงตีเจ๊าก่อนพ่ายจิงโจ้หวิวท้ายเกม

    นาทีที่ 76 ไทยได้ยิงบ้างเหมือนกัน จากจังหวะหลุดไปด้านขวา ของทริสตอง โด แต่เลือกยิงเอง บอลหลุดกรอบออกไปแบบไม่น่าให้อภัย

 

    นาที 80 ตัวสำรอง เจมส์ ทรอยซี่ ตะบันนอกเขตโทษ แต่มันไม่เข้ามุม สินทวีชัยชกออกหลังไป

 

    แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อไทย มาตีเสมอได้แบบช็อกโลก จากการเติมเกมด้านซ้าย สิโรจน์ จ่ายให้พีระพัฒน์ ครอสบอลเข้ากลาง ให้ปกเกล้าที่ยืนโล่งๆยิงด้วยซ้าย บอลชนคานเข้าประตู สกอร์ขยับเป็น 1-1

 

    นาทีที่ 86 ออสเตรเลีย มาขึ้นนำอีกครั้ง เป็น 2-1 จากจังหวะเตะมุม สินทวีชัย ชกบอลมาเข้าเท้า แมทธิว เล็กกี้ ยิงตูมเดียวหายไปเลย

 

 

ช้างศึกสู้ยิบตา "ปกเกล้า" ยิงตีเจ๊าก่อนพ่ายจิงโจ้หวิวท้ายเกม

    ช่วงทดเจ็บไทยเกือบตีเสมอได้ จากลูกเตะมุม ธีรศิลป์ โหม่งถากเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น แต่สุดท้าย หลังทดเจ็บมา 4 นาที ออสเตรเลีย ชนะได้ไป 2-1 ทำให้พวกเขามี 19 คะแนน จาก 10 นัด ลูกได้เสีย +5 ขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูงชั่วคราว 

 

    จากชัยชนะของออสเตรเลียเหนือทีมชาติไทย ทำให้สถานการณ์แบบเรียลไทม์ ออสเตรเลีย ขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูงกลุ่มบี โดยมี 19 คะแนน มากกว่า ซาอุดิอาระเบีย 3 แต้ม ซึ่งมีลูกได้เสีย +5 ทว่าแข่งมากกว่า 1 นัด ต้องลุ้นตามเวลาไทย 00.30 น. ที่ ซาอุฯ จะเปิดบ้านพบกับ ญี่ปุ่น

 

    ทั้งนี้ หากว่า ออสเตรเลีย จะเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย จำเป็นต้องลุ้นให้ ญี่ปุ่น บุกไปชนะหรือเสมอ ซาอุดิอาระเบีย เท่านั้น เพราะเวลานี้ “จิงโจ้” กุมความได้เปรียบตรงที่มีแต้มมากกว่ากองทัพ “เศรษฐีน้ำมัน” 3 คะแนน

 

    ส่วนอันดับ 3 ที่ดีที่สุดของทั้งกลุ่ม เอ และ บี ของศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย จะหวดเพลย์ออฟ ในรอบ 4 ทั้งหมด 2 นัด แบบเหย้า-เยือน ระหว่างวันที่ 5 ต.ค. 2017 และ 10 ต.ค. 2017 จากนั้นผู้ชนะจะเข้าไปเจอกับอันดับ 4 ของโซนคอนคาเคฟ (ยังอยู่ในช่วงระหว่างการแข่งขัน)

 

    ทั้งนี้ ทีมเอเชียที่ชนะจากการเพลย์ออฟ รอบ 4 จะทำการแข่งขันกับอันดับ 4 ของโซนคอนคาเคฟ 2 นัด แบบเหย้า-เยือน ระหว่างวันที่ 6 พ.ย.2017 (ย) และวันที่ 14 พ.ย.2017 (ห) โดยผู้ชนะจะได้ตั๋วเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียทันที

 

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

 

    ออสเตรเลีย : แมทธิว ไรอัน, เทรนต์ เซนต์บิวรี่, อเล็กซานเดอร์ เกอร์บัค, เบลี่ ไรท์, มิลอส เดเกเน็ค, มาร์ก มิลลิแกน, แอรอน มอย, โทมัส โรยิช, แมทธิว เล็กกี้, ทิม เคฮิลล์, โทมี่ ยูริช

 

    ไทย : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, อดิศร พรหมรักษ์, พรรษา เหมวิบูลย์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, ทริสตอง โด, พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา, ธีราทร บุญมาทัน, ปกเกล้า อนันต์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา