ล่าสุดในเวลา 11.00 น. ของวันจันทร์ที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย 24 ขุนพลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ได้เดินทางมารายงานตัวกับ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือใหญ่ของทีมเป็นมี่เรียบร้อยแล้ว โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายก ส.บอล ให้การต้อนรับ จากนั้นได้เดินทางไปเก็บตัวที่เกียรติธานี คันทรี คลับ และลงทำการซ้อมต่อในช่วงเย็นทันที
อย่างไรก็ตามการมารายงานตัวครั้งนี้ของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ มีแค่ 24 ขุนพลเท่านั้น ขาดแต่เพียง "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ต้องลงเล่นให้กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ใน เจ ลีก วันที่ 26 ส.ค.นี้ เปิดบ้าน ซัปโปโร โดม พบกับ เวกัลตะ เซนได ตามเวลาไทย 12.00 น. และเมื่อจบนัดดังกล่าว เจ้าตัวจะเดินทางกลับมาในช่วงเช้าของวันที่ 27 ส.ค.นี้ และจะมาถึงประเทศไทยในตอนค่ำ
จากนั้นในวันที่ 28 ส.ค.60 ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะตบเท้าเข้าไปร่วมซ้อมกับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เพื่อลุย 2 เกม ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี วันที่ 31 ส.ค.60 พบ อิรัก (ห) และวันที่ 5 ก.ย.60 พบ ออสเตรเลีย (ย) ทันที
ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของ "ชนาคุง" จะทำให้เขาได้ร่วมงานกับ มิโลวาน ราเยวัช ในทัพ "ช้างศึก" เป็นครั้งแรก หลังจาก 4 เกมก่อนหน้านี้ยังไม่เคยได้ลงเล่นให้กับอดีตกุนซือทีมชาติกาน่า ที่พาเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ แม้แต่อย่างใด
4 นัดที่ผ่านมาของ มิโลวาน ราเยวัช ในการคุมทีมชาติไทย โดยไม่มีชื่อของ “เมสซี่เจ” ประกอบด้วย อุ่นเครื่อง แพ้ อุซเบกิสถาน 0-2 (ย), ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี เสมอ ยูเออี 1-1 (ห) และ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 45 ชนะ เกาหลีเหนือ 3-0 (ห), ชนะจุดโทษ เบลารุส 5-4 (ห, เสมอกันในเวลาปกติ 0-0)
สำหรับรายชื่อทั้ง 24 คน ของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ที่มารายงานตัวในช่วงเช้าของวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะตัดตัวเหลือ 23 คน ประกอบด้วย
ผู้รักษาประตู : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (เอสซีจี เมืองทองฯ), สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (สุพรรณบุรี เอฟซี), ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
กองหลัง : ทริสตอง สมชาย โด, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ธีราทร บุญมาทัน, อดิศร พรหมรักษ์ (เอสซีจี เมืองทองฯ), ฟิลิป โรลเลอร์ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี), พุทธินันท์ วรรณศรี, มานูเอล ทอม เบียรห์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด), เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว (นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี), พรรษา เหมวิบูลย์ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
กองกลาง : ปกเกล้า อนันต์, สรรวัชญ์ เดชมิตร (แบงค็อก ยูไนเต็ด), ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด), นูรูล ศรียานเก็ม (ชลบุรี เอฟซี), สุภโชค สารชาติ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), วัฒนา พลายนุ่ม (เอสซีจี เมืองทองฯ), บดินทร์ ผาลา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, มงคล ทศไกร (พัทยา ยูไนเต็ด)
กองหน้า : สิโรจน์ ฉัตรทอง, อดิศักดิ์ ไกรษร และ ธีรศิลป์ แดงดา (เอสซีจี เมืองทองฯ)
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ให้โอวาทว่า "ตนไม่อยากให้นักเตะคิดถึงเรื่องเงินอัดฉีด เพราะทุกอย่างเป็นพันธะทางใจอยู่แล้ว เนื่องจากถ้าผลงานดีต้องมีขวัญกำลังใจให้ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนทำหน้าที่อันทรงเกียรติกับการติดทีมชาติไทยครั้งนี้ มีความสามัคคี เชื่อฟังโค้ช เป็นทีมเดียวกัน เราจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน"
ด้าน มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชของทีม บอกว่า "ขอขอบคุณท่านนายกสมาคมฯ และขอต้อนรับนักเตะทุกคน ซึ่งเราจะมีเกมที่สำคัญอีก 2 นัดในการลงเล่น การเจอกับ อิรัก และ ออสเตรเลีย ครั้งนี้ถือว่าเป็นเกมใหญ่ แต่เราต้องให้ความเคารพกับทั้งสองทีมนี้ ถ้าเราสามารถชนะได้จะมีความหมายต่อประเทศไทยอย่างมาก ย้อนไปเกมที่เราเสมอ ยูเออี 1-1 หากเราชนะจะเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จ ทว่าทุกอย่างผ่านไปแล้ว"
"อย่างไรก็ตามผมประทับใจกับแท็กติกการเล่นในคิงส์ คัพ ที่ทุกคนทำได้ตามระบบ ไม่เสียประตูให้กับทีมใด แถมการเจอกับ ยูเออี ก่อนหน้านี้เสียเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น จากนี้ไปอีก 2 นัด เราได้นักเตะจาก เอสซีจี เมืองทองฯ บางรายเข้ามา เพื่อมาเติมเต็มให้ทีมสมบูรณ์มากกว่าเดิม สิ่งที่ผมหวังนั้นรอ การสร้างบรรยากาศในที่เก็บตัว เพราะจะส่งผลต่อฟอร์มการเล่น ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเข้าแคมป์ ถ้าทุกคนสนุกกับมันผลงานจะออกมายอดเยี่ยมแน่นอน"