หลังจากที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตัดสินใจเลือก มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย ที่เคยพาทีมกานาเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เข้ามาเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางมาถึงเมืองไทย ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 4 พ.ค. 60
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมชั้น 1 ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้มีการแถลงข่าวเปิดตัว มิโลวาน ราเยวัช เข้ามากุมบังเหียนทีมชาติไทยอย่างเป็นทางกร โดยมีสตาฟฟ์โค้ชที่มาด้วย ไม่ว่าจะเป็น โซรัน ยานโควิช ผช.โค้ช และ ซาซ่า โทดิช โค้ชผู้รักษาประตู
ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มาเป็นประธาน พร้อมด้วย "เฮงซัง" วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิค และ "บิ๊กโจ" พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มากันอย่างแน่นขนัด
สัญญาของ มิโลวาน ราเยวัช ที่ได้รับนั้นอยู่ที่ 1 ปี พร้อมกับออปชั่นในการต่อสัญญา 1 ปี เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. 2017 ถึงวันที่ 5 พ.ค. 2018 ซึ่งมีรายงานว่าค่าเหนื่อยอยู่ที่ 1.5 ล้านบาทหลังจากหักภาษีแล้ว โดยจำนวนดังกล่าวจะนำไปแบ่งกับทีมงานผู้ฝึกสอนที่มาด้วยอีก 2 คน
กุนซือ "ช้างศึก" โวลั่นพัฒนาทีมได้แน่
มิโลวาน ราเยวัช ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้ามาเป็นแม่ทัพของขุนพลจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ว่า "ขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก สำหรับตัวผมและทุกท่านอยากจะขอโอกาสกล่าวสวัสดี หลังจากนี้เราจะพยายามประเมินวิเคราะห์นักเตะอีกครั้ง ตอนนี้คงเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเราจะเล่นในรูปแบบไหน แต่ว่าเราต้องประเมินเรื่องพื้นที่การเล่น และต้องเจอกับนักเตะก่อน ความคาดหวังคือนักเตะต้องเล่นได้หลายรูปแบบ ปรับตัวเข้ากับระบบของทีม ไม่ว่าจะรูปแบบไหน นักฟุตบอลไทยหลายคนมีเทคนิคหลากหลายอยู่แล้ว และน่าจะปรับตัวได้เป็นอย่างดี"
"ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งมารับงานในตำแหน่งนี้ ฟุตบอลไทยยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้ ที่นี่เป็นเมืองที่น่าอยู่ และผมคิดว่าส่วนตัวผมเองน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาทีมชาติไทยไปในอนาคต ฟุตบอลเป็นกีฬาสำคัญของประเทศ ผมมั่นใจว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับทีมอีกขั้น"
"ผมอยากพัฒนาฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันของทีม เรายังมีฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก อีกสามนัด เราก็ต้องการแสดงให้เห็นว่าทีมชาติไทยสามารถสู้กับชาติอื่นๆ ได้ สำคัญที่สุดคือนัดที่เหลือในปีนี้ทีมจะต้องพัฒนาขึ้นไปเพื่อสู้กับทีมในระดับที่สูงกว่าเดิม"
ฟุ้งบอกว่าศึกษามาอย่างดี
นอกจากนี้ มิโลวาน ราเยวัช ยังออกอาการคุยโวเป็นครั้งแรกต่อหน้าสื่อมวลชน กับการเข้ามาทำทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ว่า "ผมได้ทำการบ้านมาอย่างดี ทั้งเรื่องผู้เล่นและรูปเกมในปีที่ผ่านมา แต่เราก็ต้องรอพบกันก่อนในการเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกัน ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าในการเรียนรู้ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่นักเตะไทยที่ผมต้องรู้จัก ตัวผมรู้จักฟุตบอลเอเชียเป็นอย่างดี ทางเราก็ได้วิเคราะห์เกมของทีมชาติเพื่อนบ้านมาบ้างแล้ว"
"ส่วนตัวของผม เห็นว่าทางทีมมีความหลงใหลในเกมฟุตบอลมาก ผมชอบมากที่นักกีฬาแสดงออกมาให้เห็น ในตัวนักฟุตบอลไทยทุกคนต่างมีพรสวรรค์ เทคนิคส่วนสูงก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ที่ผ่านมา ทีมชาติไทยชอบเล่นเกมรุก ปัญหาคือเรื่องแท็กติก ความรัดกุม ผมเห็นว่าทีมชาติไทยเสียประตู ซึ่งสำหรับตัวผมนั้นการทำทีมที่ผ่านมา ผมจะเน้นเรื่องนี้มาก อันนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งว่าเราต้องพัฒนา เพื่อเสียประตูน้อยลงและผลสกอร์ที่ดีขึ้น"
"ผมมีประสบการณ์ในการพาทีมไปเล่นบอลโลกมาแล้ว แต่การไปเล่นบอลโลก รอบสุดท้าย มันต้องใช้เวลา ความใจเย็น ความทุ่มเทไม่ใช่เฉพาะแค่ผู้เล่น แต่จากทุกๆ คน ส่วนตัวผมเชื่อว่า ถ้าเราทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ได้รับการส่งเสริมจากทุกฝ่าย สำคัญที่สุดคือแฟนบอล ผมก็เชื่อว่าเราจะไปถึงจุดนั้นได้ ผมหวังว่าเราจะทำได้สำเร็จในเวิลด์ คัพ ที่กาตาร์ (2022)"
ยก "เจ" มหัศจรรย์แต่อุบเอาไปบู๊ออสซี่หรือไม่
พร้อมกันนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม มิโลวาน ราเยวัช ว่า ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี นัดสุดท้าย ที่ทีมชาติไทยจะบุกไปเยือนออสเตรเลีย วันที่ 5 ก.ย. 2017 จะมีการเรียกนักเตะคนอื่นที่เล่นตำแหน่งเดียวกันกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไปแทนหรือไม่
เนื่องจากช่วงดังกล่าวแม้ว่าจะตรงกับปฏิทินฟีฟ่า เดย์ แต่ว่า "เมสซี่เจ" ไปเล่นในเจลีกกับคอนซาโดเล่ ซัปโปโร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง มิโลวาน ราเยวัช ต้องการให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไปปรับตัวให้กับทีมและสภาพอากาศหรือไม่ อดีตเฮดโค้ชทีมกานา บอกว่า
"ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นนักเตะที่ดีมาก ส่วนตัวผมมองว่าเราโชคดีที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ค้าแข้งในประเทศ ทำให้การเดินทางไปดูผลงานนั้นทำได้ง่าย แต่ทีมชาติส่วนใหญ่มีผู้เล่นที่ค้าแข้งต่างประเทศกัน ประสบการณ์ของผมยังเร็วเกินไป กรณีของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก็ต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะให้เขาปรับตัวที่ญี่ปุ่นไปก่อน หรือเรียกมาช่วยทีมในช่วง