ประธานเทคนิค "โค้ชเฮง" กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าทีมรุ่น 16 ปี และรุ่น 19 ปี น่าจะใช้โค้ชต่างชาติ แต่คงจะต้องพิจารณาเรื่องเงินค่าเหนื่อย เพราะถ้าเรียกเงินเดือนสูงก็คงไม่ไหว ขณะที่ทีมรุ่น 23 ปีภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ จะมีโปรแกรมทำศึกยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2018 รอบคัดเลือก ช่วงวันที่ 15-23 กรกฎาคม และซีเกมส์ 2017 วันที่ 19-31 สิงหาคม ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมทีมตั้งแต่ตอนนี้ และเก็บตัวทุกเดือน ไม่ใช่แค่ช่วงฟีฟ่าเดย์ เพื่อคัดสรรนักเตะไปด้วย แต่สิ่งที่กังวลคือ แต่ละสโมสรจะปล่อยตัวนักเตะหรือไม่ รวมทั้ง 2 รายการนี้นับเป็นงานหนักทั้งสิ้น

          สำหรับทัพนักเตะ "ช้างศึก" ทีมชาติชุดใหญ่จะมีคิวทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่ 6 พบ ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 23 มีนาคม ซึ่งคิดว่าทีมชุดใหญ่ไม่น่ามีปัญหาอะไร และสโมสรพร้อมตัวนักเตะอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม โอกาสผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกค่อนข้างยาก เนื่องจากคุณภาพผู้เล่นก็ดีในระดับหนึ่ง แต่การลงสนามแข่งขันไม่ควรใช้แรงจูงใจเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเน้นแทคติก และแนวทางการเล่นเป็นสำคัญ ซึ่งตัวเองได้บอก "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชชุดใหญ่ว่าให้พยายามเก็บ 7-8 แต้มให้ได้
 
          "ฝ่ายเทคนิคมีหน้าที่วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนทีมชาติไทย และคอยสนับสนุนหัวหน้าผู้ฝึกสอนแต่ละชุด ซึ่งกระแสที่ว่าผมเป็นคนแต่งตั้ง หรือปลดผู้ฝึกสอนทีมชาตินั้น ไม่จริงเลย ผมพยายามนำเสนอโค้ช 4-5 คน เพื่้อเป็นตัวเลือก และเราก็ให้โอกาสโค้ชคนไทยไว้ก่อน รวมถึงในอนาคตผมก็อยากเห็นโค้ชคนไทยผ่านการอบรมโปร-ไลเซนต์ให้ได้ 100 คนด้วย"โค้ชเฮงกล่าว

          นอกจากนี้ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พยายามให้โฟกัสที่ทีมชาติตั้งแต่รุ่น 12, 13, 14 ปี เพื่อวางรากฐานระยะยาว ขณะที่ทีมรุ่น 16, 19, 23 ปี ก็ต้องทำต่อเนื่องกันไป เพื่อป้อนสู่ทีมชุดใหญ่ในระยะใกล้ แต่สิ่งเป็นห่วงคือ ถ้าทีมชุดใหญ่หมดนักเตะชุดนี้ไปแล้วจะไม่มีนักเตะใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ เพราะเท่าที่มองจากทีมเยาวชนมีไม่ถึง 3 คนที่พร้อมจะก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ ทั้งที่ควรจะก้าวขึ้นมาพร้อมกันถึง 6-7 คน