"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ที่เพิ่งจะพาทัพ "ช้างศึก" ซิวแชมป์เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 2016 มาครองและเป็นการพาทีมคว้าแชมป์สองสมันติดต่อกัน ซึ่งมีสัญญากับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯถึงเดือน กุมภาพันธ์ 2560 ที่จะถึง ทว่าทาง "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฯ ยังไม่ยืนยันว่าจะต่อสัญญากุนซือจอมตีลังการายนี้ออกไปหรือไม่ เนื่องจากต้องมีการหารือถึงรายละเอียอีกครั้ง หลังกลับจากเดินทางไปดูงานที่ประเทศฝรังเศสและประเทศจีน ขณะเดียวกันก็ได้มีกุนซือต่างชาติหลายรายยื่นโปรไฟล์เข้ามาให้สมาคมฯ พิจารณาด้วยเช่นกันนั้น
เกี่ยวกันเรื่องนี้ทาง "ซิโก้ " ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังจบศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ตนเองได้เข้าอบรมโปรไลเซนส์ต่อทันที ทำให้ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยอย่างเป็นทางการกับทาง "บิ๊กออ๊อด" พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เกี่ยวกับสัญญาฉบับใหม่ อย่างไรก็ตามคาดว่าวันที่ 11 มกราคม 2560 น่าจะเป็นโอกาสที่ดีจะได้มีการหารือกัน เนื่องจากจะเป็นงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของ ทีมชาติไทย ในช่วงปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมาที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯจัดให้กับนักเตะและทีมงานทีมชาติไทยชุดต่างๆเนื่องในวาระโอกาสปีใหม่
"แน่นอนว่าผมยังอยากคุมทีมชาติไทยต่อไป เพราะตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาได้พยายามสร้างทีมชุดนี้ขึ้นมา และนักเตะทุกคนกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนา โดยแผนงานปีหน้าได้วางเอาไว้บ้างแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสัญญาฉบับใหม่ด้วย ซึ่งคาดวันที่ 11 มกราคม 2560 คงได้พูดคุยกับท่านนายกสมาคมฯ อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกอย่างได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อจะได้เดินหน้าเตรียมทีมสำหรับสู้ศึกในปี 2560 ที่จะมีฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียที่เหลืออีก 5 นัด วันที่ 23 มี.ค.2017 พบ ซาอุดิอาระเบีย (ห), วันที่ 28 มี.ค.2017 พบ ญี่ปุ่น (ย), วันที่ 13 มิ.ย.2017 พบ ยูเออี (ห), วันที่ 31 ส.ค.2017 พบ อิรัก (ห) และวันที่ 5 ก.ย.2017 พบ ออสเตรเลีย (ย)"
"ซิโก้" กล่าวต่อว่าในปี 2560 ตนเองจะต้องหาเวลาไปอบรมโปร ไลเซนส์ เพิ่มเติม เนื่องจากช่วงแรกของการอบรมที่ประเทศไทย เมื่อต้นเดือน ธันวาคม ผ่านมา ตนเองติดภารกิจคุม ทีมชาติไทย สู้ศึกฟุตบอลฯ และเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ทั้งนี้จะพยายามหาเวลาอบรมในช่วงที่ ทีมชาติไทย ไม่มีโปรแกรมแข่งขัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานเตรียมทีมชาติไทย
"ผมต้องอบรมเพิ่มเติมเพื่อให้ครบชั่วโมงตามที่กำหนด โดยจะต้องเดินทางไปอบรมที่ต่างประเทศคาดว่าจะเป็นประเทศมาเลเซีย ประมาณ 15 วัน ส่วนวันและเวลาจะต้องดูอีกครั้ง เพราะต้องหาช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการคุม ทีมชาติไทย ด้วย หากเวลาตรงกับช่วงที่ ทีมชาติไทย ลงเเข่งขันก็ต้องหาที่อบรมที่อื่น ทว่าระหว่างนี้ต้องทำรายงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนโปร ไลเซนส์ นอกจากนั้นช่วงปลายปีจะต้องไปอบรมส่วนที่ 2 ของหลักสูตรที่ต่างประเทศ ประมาณ 15-30 วัน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ทีมชาติไทย ไม่มีโปรแกรมแข่งขันอะไรพอดี"