เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ รัชดา มีการแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกม ระหว่าง ทีมชาติไทย ที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง

          เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย และ อัลเฟรด ริดเดิ้ล แม่ทัพอินโดนีเซีย ได้ขึ้นมาแถลงความพร้อมก่อนที่เกมรอบชิงชนะเลิศ นัดสอง จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งอดีตกองหน้าจอมตีลังกาของทัพจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ออกมาพูดถึงแมตช์นี้ว่า  "ยินดีต้อนรับโค้ชอัลเฟรด ริดเดิ้ล จริงๆแล้วก็เกมแรกทีมอินโดนีเซียค่อนข้างสร้างความปวดหัวให้เราพอสมควร แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะการกลับมาเล่นในบ้านของเราเป้าหมายคือการเป็นแชมป์สมัยที่ 5 อยู่แล้ว นักฟุตบอลทั้ง 23 คนเราพร้อม และคิดว่าจะเป็นเกมที่สนุกเพราะแฟนๆของเราคงเข้ามาเต็มสนาม เกมพรุ่งนี้เราจะเดินเกมให้ได้ตามแท็คติกที่วางไว้ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ไม่เหมือนกับ 2 ปีก่อน เพราะเราลืมไปหมดแล้ว รู้แค่ว่าพรุ่งนี้เป็นแมตช์ชิงของเรา"

เชื่ออิเหนากดดันกว่า,ชูราชมังนรกทีมเยือน

          รวมทั้ง "ซิโก้" ยังได้พูดถึงเป้าหมายที่สำคัญของทีมว่า "เกมพรุ่งนี้เราต้องชนะถึงได้ถ้วย ถ้าเสมอก็ไม่ได้ถ้วยอยู่แล้ว คิดว่าความกดดันน่าจะอยู่ที่อินโดนีเซีย เพราะว่าทีมชาติไทยได้มาแล้ว 4 ครั้ง อินโด ยังไม่ได้สักครั้ง ฉะนั้น เขาคงอยากได้ถ้วย แต่ไทยได้มา 4 ละ และถ้วยที่ 5 คือพรุ่งนี้"  
 

          "และในเกมที่สองเราจะเดินเกมตั้งแต่ต้น 90 นาทีไม่มีผ่อน ฉะนั้นพรุ่งนี้เราจะเล่นต่อหน้าแฟนบอลของเราก็คิดว่าน่าจะสนุก แพ้ชนะไม่รู้แต่เราจะเล่นให้ดีที่สุด อินโดนีเซียคงอยากได้ถ้วยแต่บังเอิญไม่เคยได้ เราได้มา 4 ครั้งแล้ว พรุ่งนี้ก็รู้กัน"

          "จุดแข็งของเราคือการเล่นที่ราชมังคลากีฬาสถาน เพราะที่นี่คือนรกทีมเยือน และนักเตะทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เราต้องการมอบถ้วยนี้ให้แฟนบอลชาวไทย รวมถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 และ 10"

แย้ม "ธนบูรณ์"พร้อมลงขันเกมรับ

          นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามอาการบาดเจ็บของ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ว่าจะพร้อมลงสนามในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง วันที่ 17 ธ.ค.นี้ หรือไม่ รวมทั้งความกระหายของนักเตะที่อยากจะได้แชมป์สมัยที่ 5 ในรอบ 20 ปีมีมากน้อยเพียงใด

           กุนซือ "ช้างศึก" บอกว่า "อาการของตั้ม (ธนบูรณ์ เกษารัตน์) ตอนนี้พร้อม 99.99 เปอร์เซนต์ และการพักแค่ 2 วันอาจมีบ้างแต่เราอยู่ในสภาพทีมเดียวอีกทั้งผู้เล่น 23 คนก็ทดแทนกันได้ อย่างไรก็ตามเกมวันพรุ่งนี้ไม่ได้สำคัญที่สุดของผม สำคัญกว่าคือบอลโลก และผมไม่ต้องกระตุ้นเด็กๆอะไรเลย ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร และวันพรุ่งนี้เราจะต้องเล่นให้ดีแล้วชนะด้วย"

"ริดเดิ้ล"ไม่สนสถิติไม่เคยชนะบ้านไทย 16 ปี

          ขณะที่ อัลเฟรด ริดเดิ้ล เฮดโค้ชอินโดนีเซีย กล่าวว่า "พรุ่งนี้จะเป็นเกมยากอีกเกม ถึงแม้เราจะนำอยู่ 2-1 เพราะเรารู้ดี ไทยคือทีมที่ดีที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาเหนือทีมอื่นไปอีกระดับ พรุ่งนี้เราตั้งใจจะเล่นเกมที่ดี ตลอด 90 นาที จะท้าทายไทยให้ได้มากที่สุด"
 

         "ผู้เล่นเราต้องการพักผ่อน ไทยก็คงเหมือนกัน พักผ่อนไม่พอกันทุกคน ในอนาคตผมอยากขอให้เอเอฟเอฟเพิ่มวันพักอีกสักวัน ตั้งแต่รอบรองฯ มานี้ ใช้เวลาไม่กี่วันเท่านั้น ทั้งสองทีมเหนื่อยอ่อนมาก ผมคิดว่าทั้งซิโก้และผมคิดเหมือนกัน ว่าถ้าได้พักเพิ่มสักวันจะดีกว่า คุณภาพเกมในรอบชิงฯ จะได้ดีขึ้นด้วย ส่วนอันดิก เวอร์มันสยาห์ โชคร้ายที่เอเอฟเอฟของเขาจบลงแล้ว"
 

         ส่วนการที่ อินโดนีเซีย แพ้รวดในการเดินทางมาเล่นในเมืองไทยของถ้วยใบนี้ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นปี 2000 ไทย ชนะ 4-0 (รอบแรก), ไทย ชนะ 4-1 (รอบชิง) และ ปี2008 ไทย ชนะ 2-1 รอบรอง นัดสอง กุนซืออินโดนีเซีย ได้เปิดใจว่า
 

         "เราคงจะไม่สนในเรื่องของสถิติเก่าๆ เพราะเราต้องการมองไปข้างหน้าเท่านั้น อินโดนีเซียถูกแบนจากฟุตบอลนานาชาติโดยฟีฟ่าไปปีครึ่ง ต่อมาพวกเขาก็ตั้งลีกที่เล่นกันอยู่ในตอนนี้ ยังเหลืออีกหนึ่งเดือนถึงจบ ส่วนไทยเป็นทีมที่เหนือกว่า ฟุตบอลลีกจบไปแล้ว แต่เราก็มาถึงที่นี่"
 

         "ในเกมที่สอง กับฟิลิปปินส์ จะเป็นเกมสุดท้ายถ้าเราแพ้  แล้วเราก็เสมอมาได้ เกมที่สามกับสิงคโปร์ก็เป็นเกมสุดท้าย แล้วเราก็ชนะ กับเวียดนามสองเกมก็เป็นเกมสุดท้าย เขาว่าเป็นเกมสุดท้ายของรีเดิล"
 

         "ตั้งแต่วันแรก ไม่มีใครเชื่ออยู่แล้วว่าเราจะมาถึงที่นี่ เราเป็นทีมรองแต่ก็มาถึงนัดชิงจนได้ ผมคิดว่าเกมนัดสองนี้ความกดดันอยู่กับไทย เพราะเราเป็นทีมรองมาตั้งแต่แรก เรามาไกลเกินคาดแล้ว"