ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในการเดินทางไปเล่นเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ของศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ด้วยการไปเยือน อินโดนีเซีย ซึ่งจะเล่นที่สนามปากันซารี่ สเตเดี้ยม เวลา 19.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เท่ากับประเทศไทย) โดยช่อง 7 สี และ ฟ็อกซ์ สปอร์ต จะถ่ายทอดสดให้ชมกันถึงบ้าน วันที่ 14 ธ.ค.นี้
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องแถลงข่าวภายในโรงแรม แอสตัน เซนตัน เลค รีสอร์ท ฝ่ายจัดการแข่งขันของศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ได้มีการจัดงานแถลงความพร้อมในคู่ชิงชนะเลิศ นัดแรก ของอินโดนีเซีย ที่เปิดบ้านพบกับ ทีมชาติไทย ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้
ซึ่ง อินโดนีเซีย มี อัลเฟรด ริดเดิ้ล กุนซือใหญ่นำทัพ ส่วนทีมชาติไทย ส่ง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชของทีม พร้อมด้วย สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายทวารมากประสบการณ์ มาร่วมในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ก่อนที่อดีตกองหน้าจอมตีลังกาจะบอกว่า
"ผมอยากจะแสดงความยินดีกับอินโดนีเซีย และ ไทย ที่ผ่านเข้ามารอบชิงชนะเลิศ ผมคิดว่าพรุ่งนี้จะเป็นเกมที่ดี มันไม่ใช่เกมที่ง่ายสำหรับเรา เพราะอินโดนีเซียมีนักเตะที่ดี แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด"
ในเรื่องของความพร้อมทีมชาติไทย ทาง "ซิโก้"เปิดใจ พร้อมกับให้เครดิตกับ อินโดนีเซีย ที่ยอมรับว่าเวลามาเยือนตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะนั้น มักจะเป็นงานที่ยากเสมอๆ
"ถึงเวลานี้ความพร้อมของทีมน่าจะ 100 เปอร์เซนต์ ทุกคนสมบูรณ์ มีแค่ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ คนเดียวที่ขอเช็คอีกครั้ง พรุ่งนี้เราต้องการที่จะโชว์ให้แฟนบอลที่เมืองไทยและอาเซียนเห็นว่าเราพัฒนามาขนาดไหน นักเตะทุกคนรู้ดีว่าต้องทำงานหนัก เราต้องการชนะ เพื่อที่จะเป็นงานง่ายขึ้นเมื่อกลับมาเมืองไทย แท็คติควิธีการเราวางไว้หมดแล้ว"
"การพบกับ อินโดนีเซีย เป็นงานที่ยากมาตลอด ตั้งแต่สมัยที่ผมยังเล่นอยู่ เพราะมาเล่นก็จะเสมอ 0-0 ,1-1 ,2-2 ยิงจุดโทษ ฉะนั้นไม่ใช่งานง่ายแน่นอนเพราะเราต้องเล่นต่อหน้าแฟนบอลหลายหมื่นคน เมื่อก่อนเราเล่นที่เสนายันต้องเจอความกดดันจากแฟนบอลของเขา และพรุ่งนี้ 3-4 หมื่นคนก็ไม่ใช่งานง่ายแน่นอน ฉะนั้นพรุ่งนี้เราจะเล่นด้วยความระมัดระวังไม่ประมาท"
เกี่ยวกับปณิธานที่อดีตกองหน้าจอตีลังตั้งเอาไว้ ก่อนที่จะเข้ามาป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 สมัยที่ 5 ของทีมชาติไทย ในครั้งนี้ นั่นคือ เจ้าตัวต้องการยกระดับของวงการลูกหนังจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นมาทุกชาติ เพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นในเอเชีย
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม กุนซือใหญ่ของทีมชาติไทย ว่า ได้เห็นอินโดนีเซีย สามารถพัฒนาตัวเองไปในระดับใด เพราะสามารถเข้ามาเป็นคู่ต่อกรในรอบชิงชนะเลิศ ของ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ได้ขนาดนี้ เจ้าตัวบอกว่า "อย่างที่เห็น อินโดนีเซีย โดนฟีฟ่าแบนไป 2 ปี แต่ภายในประเทศเขายังแข่งขันอยู่ ซึ่งการที่เขาเข้ามาถึงรอบชิงได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาพัฒนา เราก็อยากพัฒนาไปด้วยกัน ไม่ว่าผลจะเกิดขึ้นในเกมการแข่งขันมีแพ้มีชนะมีเสมอ หลังแข่งขันเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน"
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเกี่ยวกับสภาพจิตใจของนักเตะในทีม เนื่องจากมีหลายคนที่บอบช้ำจากการเดินทางมาเล่นที่ประเทศอินโดนีเซีย ไม่ว่าจะเป็น เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010 และซีเกมส์ 2011 ที่ตกรอบแรกทั้ง 2 รายการ
"ซิโก้" ได้มองในเรื่องนี้ว่า "ถ้าเป็นชุดอื่นๆผมคงไม่ทราบว่านักเตะจะบอบช้ำอย่างไรมา ทว่าตั้งแต่ที่ผมเข้ามาคุมทีม ไม่ว่าจะเป็น ชุดซีเกมส์, เอเชียน เกมส์ หรือชุดใหญ่ ได้รับความสำเร็จมาตลอด ซึ่งนักเตะคงจะไม่เอาอดีตเก็บมาคิดแน่นอน เนื่องจากในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ จะเป็นเหตุการณ์จริง ในเรื่องการทำความสำเร็จให้กับทีม"
สำหรับสถิติของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ในการก้าวมาเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย เจ้าตัวพาทัพ "ช้างศึก" เอาชนะอิเหนามาตลอด ไม่ว่าจะเป็น รอบชิงชนะเลิศซีเกมส์ 2013 ชนะ 1-0, รอบแรก เอเชียน เกมส์ 2014 ชนะ 6-0 และรอบแรก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ชนะ 4-2