ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016
วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2559
เมียนมาร์ 0-2 ไทย
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016" รอบรองชนะเลิศเกมแรกอีกหนึ่งคู่ ที่สนามธุวันนา สเตเดี้ยม, เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ระหว่าง "สกุลหม่อง" เมียนมาร์ รองแชมป์กลุ่ม บี เปิดบ้านรับมือ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย แชมป์ 4 สมัยและยังเป็นแชมป์เก่าที่เข้าป้ายที่ 1 สาย เอ แข่งขันตามเวลาไทย 18.30 น.
เมียนมาร์จัดหนัก! "อ่อง ตู-กอง แซต ไน" ประจำการ
แกร์ด ซีเซ่ กุนซือชาวเยอรมันของทีมเมียนมาร์ ส่งผู้เล่น 11 ตัวแรกในชุดหลักที่ถือว่าฟูลทีมในระบบ 4-4-2 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู คยอ ซิน เพียว, ซอ มิน ตุน, เดวิด ฮะตัน, คยอ นันดา, คยอ ยาน ออง (กัปตันทีม), กอง แซต ไน, อ่อง ตู, เมียว โค ตุน, คยอ ซิน ลวิน, เพียว โค โค และ ลวิน มัง มัง
"ซิโก้" แหวกโผ! จัด "เกริกฤทธิ์" แทน "สิโรจน์"
ด้าน "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยจัดทัพในระบบ 3-4-1-2 ประกอบด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นผู้รักษาประตู, แนวรับ 3 คน กรวิทย์ นามวิเศษ, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, อดิศร พรหมรักษ์ คู่กลางคุมเกม สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์ วิงซ้าย ธีราทร บุญมาทัน วิงขวา ทริสตัน โด หน้าต่ำ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ที่ได้ลงแทน สิโรจน์ ฉัตรทอง ส่วนคู่หน้าเป็น ธีรศิลป์ แดงดา กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์
ออกสตาร์ตครึ่งแรก น.3 ลวิน มัง มัง ไปหวด ทริสตัน สมชาย โด ที่ฝั่งขวาผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกฟาวล์ก่อนที่ ธีราทร บุญมาทัน จะเปิดฟรีคิกเข้าไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา โหม่งจังหวะแรกส่งบอลไปเข้าทางปืน ปกเกล้า อนันต์ แต่ยิงไม่ดีบอลออกหลังไป
น.4 เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ จ่ายบอลทะลุช่องให้ ทริสตัน สมชาย โด หลุดเข้าไปในเขตโทษแตะบอลหลบ 2 แนวรับเจ้าบ้านแต่สุดท้าย ซอ มิน ตุน เคลียร์บอลออกหลังไป น.9 อัง ตู จ่ายบอลไปให้กับ กอง แซต เนียง แต่งบอลเขวาก่อนที่จะซัดเรียดส่งบอลไปเข้ามือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ซึ่งเป็นการทักทายครั้งแรกของเจ้าบ้านอีกด้วย
น.15 ทีมชาติไทยได้โอกาสทักทายครั้งแรกของเกมนี้ หลังจาก สารัช อยู่เย็น จ่ายบอลจากแดนกลางไปที่หน้าเขตโทษ ปกเกล้า อนันต์ วิ่งข้ามบอลส่งบอลไปถึง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ที่โดนจับไปเล่นเป็นกองหน้าในเกมที่สองยิงด้วยซ้ายเน้นๆ แต่บอลไปเข้ามือ คยอ ซิน เพียว
"ธีรศิลป์" กดเม็ดที่ 4 ส่งทีมนำ 1-0
น.16 ปกเกล้า อนันต์ ไหลบอลต่อไปให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ พลิกยิงหน้าเขตโทษ คยอ ซิน เพียว ยังบินไปคว้าบอลได้อีกครั้ง น.18 ทีมชาติไทยพลาดการได้สกอร์นำ หลังจาก ชนาธิป สรงกระสินธ์ จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา หลุดเดี่ยวเข้าไปเผชิญหน้ากับ คยอ ซิน เพียว ก่อนที่จะจ่ายบอลไปที่โล่งทางซ้าย ทว่า เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ เข้าชาร์จไม่ทัน
น.22 ทริสตัน สมชาย โด จ่ายบอลไปให้ สารัช อยู่เย็น พาบอลไปถึงหน้าเขตโทษก่อนที่จะหลอกยิงทันที บอลหลุดเสาแรกออกไปนิดเดียว น.23 ชนาธิป สรงกระสินธ์ จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายในเขตโทษเข้าประตูไป ทำให้ทีมชาติไทยขึ้นนำเมียนมาร์ 1-0
ซึ่งการส่งบอลเข้าไปจุมพิตในก้นตาข่ายครั้งนี้ของ ธีรศิลป์ แดงดา ทำให้เขายิงใส่ เมียนมาร์ 4 ลูกจาก 2 นัดที่พบกันในรายการนี้ ต่อจากเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ที่กดแฮตทริกพาทีมชาติไทยชนะ 4-0 ในรอบแรก
รวมทั้งยังเป็นประตูที่ 4 ในเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ของ "กัปตันมุ้ย" นำโด่งเป็นดาวซัลโวคนเดียว ซึ่งเหลืออีก 3 ประตูจะเทียบสถิติ เนติพงศ์ ศรีทองอินทร์ ที่ยิงในรายการนี้คนเดียวในปี 1996 ไป 7 ลูก รวมทั้งเหลืออีก 2 ประตู เขาจะเทียบสถิติ วรวุธ ศรีมะฆะ กองหน้าร่างโย่งของ "ช้างศึก" ซึ่งยิงในทัวร์นาเมนต์นี้รวมแล้ว 15 เม็ดด้วยกัน และในเวลานี้เขาขึ้นเป็นรองดาวซัลดวของไทยไปแล้ว ซึ่งอันดับ 3 ตกเป็นของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือไทยคนปัจจุบันที่ยิงไป 12 ลูก
"ช้างศึก" พลาดลูกสอง, เจ้าถิ่นหวดน่าเกลียด
น.24 ทีมชาติไทยพลาดโอกาสได้ประตูที่สองแบบติดๆ กัน หลังจาก เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ได้โอกาสชิพด้วยซ้ายในเขตโทษเยื้องไปฝั่งซ้าย บอลกลับชนคานตกลงมาที่ ธีรศิลป์ แดงดา แต่ไม่มีจังหวะที่จะยิง น.31 อัง ตู แสดงพฤติกรรมน่าเกลียดด้วยการวิ่งเข้าไปหวด ปกเกล้า อนันต์ จากด้านหลังที่กลางสนาม ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์แต่ไม่มีใบเหลืองตามมา
น.36 เจ้าบ้านเฮเก้อ หลังจาก ลวิน มัง มัง ได้โอกาสชาร์จโล่งๆ ส่งบอลเข้าไป แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าเสียก่อน น.38 เดวิด ฮะตัน ได้เพียงแค่ใบเหลืองแรกของเกมหลังจากไปย่ำ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่บริเวณขาอย่างน่าเกลียดแบบไร้สปิริตของนักกีฬาที่ทำกัน
น.45 เมียว โค ตุน ได้โอกาสยิงด้วยขวาในเขตโทษเยื้องไปฝั่งขวาแต่บอลกลับเลี้ยวออกหลัง เวลาที่เหลือไม่มีฝั่งใดทำสกอร์เพิ่มได้ หมดครึ่งแรกทีมชาติไทยออกนำเมียนมาร์อยู่ 1-0
กลับมาครึ่งหลังแค่ 40 วินาที สารัช อยู่เย็น ได้โอกาสยิงไกลแต่บอลไปเข้ามือ คยอ ซิน เพียว น.47 ทริสตอง สมชาย โด เปิดบอลจากขวาไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา ในเขตโทษ ทว่ากัปตันทีมชาติไทย กลับกระโดดยิงไม่โดนบอล น.52 คยอ นันดาอ ครอสบอลจากซ้ายไปให้ อัง ตู ยิงในเขตโทษฝั่งขวาส่งบอลวิ่งไปที่เสาแรก กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ล้มตัวเซฟไว้ได้
น.54 ธีราทร บุญมาทัน จ่ายบอลจากซ้ายไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา กระชากบอลเข้าไปในเขตโทษก่อนที่จะแต่งบอลหลบเซนเตอร์ฮาล์ฟเจ้าบ้านแล้วยิงด้วยซ้ายส่งบอลเลียดเสียบเสาแรกเข้าไป กลายเป็นประตูที่สองในเกมนี้ของตัวเอง แถมยังทำให้ทีมชาติไทย หนี เมียนมาร์ 2-0
นอกจากนี้ ธีรศิลป์ แดงดา ยังลุ้นทำแฮตทริกในเกมนี้อีกด้วย และทำให้เขาตามหลัง วรวุธ ศรีมะฆะ ที่ยิงในรายการนี้ 15 ลูก โดย “เทพมุ้ย”เหลืออีกแค่ 1 เม็ดเท่านั้น และยังเหลืออีก 2 ลูก จะทำให้เขาเทียบเท่าสถิติ เนติพงศ์ ศรีทองอินทร์ ที่ยิงในทัวร์นาเมนต์นี้ปีเดียว 7 ลูก ในปี 1996
อีกทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา เตรียมทำลายสถิติในการยิงของตัวเองในรายการนี้ หลังจากปี 2012 คว้าดาวซัลโวด้วยจำนวน 5 ประตู ซึ่งเท่ากันกับในการยิงลูกที่สองช่วยทีมชาติไทย หนี เมียนมาร์ 2-0 ขอเพียงแค่ลูกเดียว เขาจะทำลายสถิติของตัวเองในการยิง 6 ลูกในปีเดียวของทัวร์นาเมนต์นี้ทันที
น.60 สารัช อยู่เย็น ได้โอกาสยิงฟรีคิกหน้าเขตโทษ บอลยังเลี้ยวหลุดเสาแรกออกหลังไป น.64 ปกเกล้า อนันต์ ลองยิงไกลระยะ 35 หลา บอลฮุกลงพื้นก่อนที่ คยอ ซิน เพียว จะล้มตัวปัดบอลออกหลังไป น.65 ลวิน มัง มัง สับไกลจากหน้าเขตโทษ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ชกบอลทิ้งออกหลังไป
น.69 อัง ตู ได้โอกาสหลุดไปเสาแรกแต่จังหวะยิงโดน กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เซฟออกมาได้ น.70 ทีมขาติไทย แก้เกมครั้งแรกด้วยการส่ง สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงไปแทน เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ก่อนที่จะหวิดสำแดงฤทธิ์เดช ด้วยการพลิกบอลจากซ้ายเข้าไปที่หน้าเขตโทษแล้วยิงด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งแรงจน คยอ ซิน เพียว ต้องชกบอลทิ้งออกไป
น. 72 เจ้าบ้านส่ง ทัน เพียง ลงไปแทน คยอ ซิน ลวิน น.75 “ช้างศึก”ส่ง ชาริล ชัปปุยส์ มาบัญชสาเกมในแดนกลางแทน ปกเกล้า อนันต์ จังหวะต่อมา สารัช อยู่เย็น รับใบเหลืองจากการไปทำฟาล์วแข้งเมียนมาร์ น.79 ทีมชาติไทย ถอด ชนาธิป สรงกระสินธ์ แล้วให้ ศราวุฒิ มาสุข ลงไปแทน
น.80 ทริสตอง สมชาย โด ครอสบอลจากขวาเข้าไปในเขตโทษหวังให้ไปถึง ธีรศิลป์ แดงดา แต่บอลไปเข้ามือ คยอ ซิน เพียว น.86 ธีราทร บุญมาทัน ยิงฟรีคิกระยะ 35 หลา บอลพุ่งไปเข้ามือ คยอ ซิน เพียว จากนั้นไม่มีสกอร์เกิดขึ้น จบเกม ทีมชาติไทย บุกชนะ เมียนมาร์ 2-0 กุมความได้เปรียบในเกมแรกไว้ได้