ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ในการป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบแบ่งกลุ่ม ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยนัดสอง กลุ่ม เอ จะพบกับ สิงคโปร์ ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ที่สนาม ฟิลิปปินส์ สปอร์ต สเตเดี้ยม เวลา 15.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งจะถ่ายทอดสดผ่านทาง ช่อง 7 สี และ ฟ็อกสปอร์ต เอชดี 680

        ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งหมดได้ทำการยืดเส้นยืดสายภายในโรงแรมโนโวเทล มะนิลา ซึ่งเป็นที่พัก โดย 11 ผู้เล่นคนแรกที่ลงสนามในเกมที่พบกับอินโดนีเซีย ทำการผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการลงสระว่ายน้ำ ส่วนที่เหลือสต๊าฟโค้ชได้จับวิ่งสปีดเพื่อเอาแรง

        ขณะที่ ทริสตอง สมชาย โด แบ็คขวาคนสำคัญยังมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาขวา เนื่องจากถูกผู้เล่นอิเหนาเจาะยาง เป็นคนเดียวที่ไม่ได้ร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนร่วมทีม แต่เจ้าตัวให้นักกายภาพนวดยาบริเวณที่มีอาการเจ็บ ส่วนช่วงบ่ายทีมไม่ได้มีการฝึกซ้อใดใด เนื่องจากสต๊าฟโค้ชต้องการให้นักเตะได้ฟื้นฟูสภาพร่างกาย

        "ซิโก้" ยันใช้ระบบเดิมลุยสิงคโปร์

         ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ว่า จะยังคงระบบในเกมที่ชนะ อินโดนีเซีย 4-2 ต่อไปหรือไม่ เพราะก่อนที่จะมาป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 เจ้าตัวเผยว่าจะกลับมาเล่นแท็กติก 4-3-3 หรือ 4-2-3-1

        "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีมไทย เปิดเผยว่า "อย่างที่บอกไปว่าเกมแรกมักจะยากเสมอ ดังเกมกับอินโดนีเซียที่ผ่านมาดูเราจะหนืดๆทำเกมไม่ค่อยไหลลื่น แต่เชื่อว่าตอนนี้จะเริ่มเข้าที่เข้ามากขึ้น อีกทั้งการที่เราเสีย 2 ประตูให้กับอินโด ซึ่งเป็นการเสียจากลูกครอสด้านข้างทั้ง  2 ลูกนั้นเราต้องปรับปรุงตรงจุดนี้ด้วย อย่างไรก็ตามตนก็จะใช้แผนการเล่น 3-5-2 แบบเดิม เพราะมั่นใจว่าเราทำได้ดีอยู่แล้ว และจริงๆระบบนี้เราก็ทำได้ดีมาตั้งแต่นัดที่เสมอกับออสเตรเลีย ในศึกคัดบอลโลกแล้วด้วย ตนคิดว่าเมื่อมันดีอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง สิ่งที่สำคัญที่สุดของเราตอนนี้คือการฟื้นฟูสภาพร่างกายของนักเตะจากการอ่อนล้าให้มากที่สุด"

        "สำหรับสิงคโปร์ เท่าที่ดูพวกเขาในเกมนัดแรกที่เสมอกับ "เจ้าภาพ" ฟิลิปปินส์ 0-0 นั้น พวกเขามีรูปร่างที่สูงใหญ่ และมีความแข็งแรงของร่างกาย จะเห็นได้จากการที่เขาเหลือผู้เล่นในสนามเพียงแค่ 10 คนตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม แต่กลับสามารถยันเสมอคู่ต่อสู้เอาไว้ได้ สิ่งที่เราต้องระวังคือเรื่องของลูกกลางอากาศ ซึ่งตนได้เน้นให้กองหลังของเราป้องกันลูกกลางอากาศให้ดี รวมทั้งพยายามไม่ให้เขาครอสบอลจากด้านข้างเข้ามาง่ายๆด้วย และที่สำคัญต้องมีสมาธิอยู่กับเกมตลอดเวลา"

        เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวต่อไปว่า "เราเดินทางมาที่นี่แม้จะต้องเจอกับปัญหารายวันมากมาย ทั้งการเจ้าภาพจัดรถบัสที่มีสภาพเก่ามากให้กับเรา ห้องน้ำภายในห้องแต่งตัวนักเตะน้ำไม่ไหล รวมไปถึงการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก ทำให้การเดินทางไม่ได้รับความสะดวกสบาย แต่ทุกคนภายในทีมก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เมื่อเจอปัญหาตรงจุดไหนเราก็แก้ปัญหาตรงจุดนั้น ตนได้เน้นย้ำให้นักเตะทุกคนไม่ควรจะมาหงุดหงิดกับเรื่องพวกนี้มากนัก เนื่องจากไม่ต้องการให้เรื่องเหล่านี้มารบกวนสมาธิ ซึ่งทางทีมงานของเราก็ได้พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทีมของเรามีความสะดวกสบายและคลายความกังวลกับปัญหาต่างอยู่แล้ว"

        พร้อมให้ "อุ้ม" ลงบัญชาฝั่งซ้าย

        พร้อมกันนี้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย ยังได้พูดถึงการที่เจ้าตัว อาจจะมีการปรับเปลี่ยนวิงแบ็กฝั่งซ้ายที่ทำได้ดีทั้งคู่อย่าง พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา กับ ธีราทร บุญมาทัน ว่า

        ในส่วนของตัวผู้เล่นนั้น ตนคิดว่า "เจ้าอุ้ม" ธีราทร ที่ได้เป็นแค่ตัวสำรองในนัดแรก น่าจะกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงได้ เนื่องจากได้พักฟื้นฟูสภาพร่างกายแล้ว ส่วนกรณีที่ ทริสตอง โด แบคขวาที่บาดเจ็บนั้น หากเขาลงไม่ได้จริงๆเราก็ยังมีทั้ง อดิศร พรหมรักษ์ ที่สามารถถ่างออกไปเล่นได้ รวมทั้งยังมี ศราวุฒิ มาสุข ที่เล่นในตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน ส่วนแนวรุก รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามตนขอดูสภาพความพร้อมของนักเตะแต่ละคนในการฝึกซ้อมวันที่ 21 พ.ย.อีกครั้ง"

        "เสี่ยเช" เผยแฟนบอลไทยมารับบัตรได้เลย

        หลังจากเกมแรกของทีมชาติไทย ในการลงเล่น เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ที่ทีมชาติไทยไล่ต้อน อินโดนีเซีย 4-2 ทว่าแฟนบอลของ “ช้างศึก” ที่เข้ามาในสนาม ฟิลิปปินส์ สปอร์ต สเตเดี้ยม อาจจะยังไม่เยอะมากนั้น ทำให้ "เสี่ยเช" วรพจน์ ยศะทัตต์ ผช.ผจก.ทีม ได้ออกมากล่าวว่า

        "ต้องขอขอบคุณแฟนบอลชาวไทย ที่เขามาชมเกมในสนามที่เราสามารถเอาชนะ อินโดนีเซีย ไปได้ 4-2 ซึ่งเป็นการเริ่มต้นได้อบย่างงดงามมากในการเดินทางมาป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 และอีก 2 เกมที่เหลือผมเชื่อว่าผลงานจะออกมาดีแน่นอน"

        "ในส่วนของแฟนบอลผมอยากจะให้ทุกคนได้รับทราบว่า คนที่อยู่ในฟิลิปปินส์หรืออยู่ในเมืองไทยที่เดินทาง และต้องการอยากจะดูเมของทีมชาติไทยในอีก 2 นัดที่เหลือ สามารถมาที่สนามแข่งและรับบัตรจากผมได้ทันที เพื่อที่เราจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประวัติศาสตร์ในการป้องกันแชมป์ไปด้วยกัน"

        สำหรับแฟนบอลทีมชาติไทย จะได้ตั๋วต่อ 1 นัดราว 3,000 ใบ หลังจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ทำเรื่องถึง เอเอฟเอฟ หากว่าในเกมสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ สาวก “ช้างศึก”จองผ่านไทยทิคเก็ตเมเจอร์ไม่เต็มจำนวน ก็จะมีการนำมาขายหน้าสนามต่อไป