เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 59 ถือเป็นการเริ่มแจกบัตรคิวแก่แฟนบอลที่แห่มาซื้อตั๋วฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดแรกกลุ่มบี ที่ทีมชาติไทยจะเปิดบ้านพบกับ ญี่ปุ่น ในวันที่ 6 กันยายนนี้ พร้อมตั๋วแบบแพคเกจ 5นัดที่ทีมชาติไทย ลงสนามในบ้าน ทางทีมงานฟุตบอลได้แบ่งประจำจุดใหญ่ 3จุดด้วยกัน ประกอบด้วย ไทยทิคเก็ต เมืองไทยรัชดาลัย ห้างสรรสินค้าเอสพลานาด , ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว และ ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ สำนักงานใหญ่ มาลีนนท์ ทาวเวอร์
สำหรับ ไทยทิคเก็ต เมืองไทยรัชดาลัย ห้างสรรสินค้าเอสพลานาด เริ่มมีแฟนบอลมารอตั้งแต่ 8 โมงเช้าแต่ยังไม่สามารถซื้อตั่วเข้าชมได้เนื่องจากจะเปิดจำหน่ายตั๋วเวลา 10.00 น. เมื่อห้างเปิดแฟนบอลพากันหลังไหลเข้ามาเพื่อต่อคิวซื้อมีแฟนบอลกว่า 300 ชีวิตมาซื้อตั๋ว หลั่งไหลเข้ามาซื้อตั๋วฟุตบอลโลกเช่นกัน ขณะเดียวกัน ได้มีกรณีที่แฟนบอลได้จองทางเว็บ และมาต่อคิวเข้าแถว ทำให้ได้ไป 4ใบด้วยกัน ทางไทยทิคเก็ต ออกมาชี้แจงกรณีนี้ว่า ยังไงคนหนึ่งต้องได้เพียง 2ใบเท่านั้น ซึ่งกรณีนี้ถือว่าไม่ได้
ขณะที่ ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ สำนักงานใหญ่ มาลีนนท์ ทาวเวอร์ ได้เริ่มแจกบัตรคิวในเวลา 9.00 น. โดยมีแฟนบอลแห่เข้ามาซื้อตั๋วนับ 300คน ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั๋วใบแรก เวลา 10.00 น. ซึ่งคนที่ได้ไปได้มารอซื้อตั๋วตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า หลังก่อนหน้านี้ได้ไปที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ตั้งแต่เวลา ตี 5 แต่ได้คิวที่ 8 จึงได้เดินทางมาที่ มาลีนนท์ ทาวเวอร์ ซึ่งเพียง 1ชั่วโมงเท่านั้น ตั๋วแบบแพคเกจ ก็หมดเกลี้ยง ส่วนตั๋วทีมชาติไทย พบ ทีมชาติญี่ปุ่น ได้จองเต็มเป็นที่เรียบร้อย ส่วนตั๋วใบสุดท้ายที่แฟนบอลได้ไปในเวลา 13.12 น.
ด้าน ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ถือเป็นอีกหนึ่งจุดนัดหมายของบรรดาคอบอลไทยที่จะเข้ามาซื้อตั๋วฟุตบอลโลกโดยมีทั้งหมด 300-400คน บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ยังไม่เปิดขายบัตร แฟนบอลต่อแถวยาวเหยียด ซึ่งคิวแรกของที่นี่มาตั้งแต่ 5ทุ่ม ของวันที่ 7 ส.ค. โดยมานอนอาบน้ำที่นี่ เพื่อที่จะได้เป็นคิวแรก
ทั้งนี้แฟนบอลทีมชาติญี่ปุ่น ก็เข้ามาซื้อบัตรกันอย่างมากมาย ซึ่งมากันแบบเป็นครอบครัวก็มี หรือมากันแบบคู่รัก นับว่าเป็นภาพที่น่ารักไม่น้อย โดยมีแฟนบอลญี่ปุ่นท่านหนึ่ง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "นับว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่ได้ตั๋วเข้าชมการแข่งขัน อีกทั้งเชื่อว่าเกมนั้นจะเป็นเกมที่สนุก ตื่นเต้น และเชื่อว่าทีมชาติญี่ปุ่นจะสามารถเอาชนะทีมชาติไทยได้ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน"