หลังจากทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีการประชุมร่วมของผู้จัดการทีมและกุนซือทีมชาติไทยทุกชุด เพื่อหากรอบแนวทางร่วมในการเตรียมความพร้อมสำหรับทีมชาติไทยทุกชุด ที่จะปฎิบัติและเดินทางไปในทิศเดียวกันภายใต้กรอบเพื่อให้มีความต่อเนื่องจากชุดเยาวชนจนกระทั่งก้าวไปถึงชุดใหญ่นั้น
ทาง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทยชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งทีมชาติไทยอยู่ในสายบี ร่วมกับทีมอย่างออสเตรีย ,ญี่ปุ่น ,ซาอุดิอาระเบีย,สหรัฐอาหรับ อิมิเรสต์, และอิรัก มีคิวลงสนามเกมแรกบุกไปเยือนซาอุดิอาระเบีย วันที่ 1 ก.ย.59 ได้มีการเสนอแนวคิดให้มีการเทสต์นักเตะทุกคนและทุกระดับลีกโดยเฉพาะไทยลีก เพื่อสร้างมาตราฐานเตรียมความพร้อมสำหรับลีกที่จะส่งผลดีกับสโมสรและทีมชาติต่อไปในอนาคต
"ผมหวังที่จะเห็นทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือทางบริษัทพรีเมียร์ลีกไทยแลนด์จำกัด หรือ พีเอลที มีการออกมาตราการหรือเป็นกฎระเบียบก็ได้สำหรับการ เทสต์นักเตะก่อนที่จะเปิดลีกการแข่งขัน เพื่อเป็นการวางมาตราฐานของลีกให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากจะเป็นการตัดปัญหาเรื่องสภาพความฟิตของนักเตะเมื่อถึงช่วงของการเล่นในลีกและทีมชาติได้ เพราะทุกคนจะต้องผ่านเกณฑ์มาตราฐานก่อน จึงจะลงเล่นในลีกได้ ก็จะทำให้สโมสรไม่ต้องมากังวลเรื่องนักเตะจะมีความฟิตหรือไม่ ทั้งผู้เล่นตัวจิรงและสำรอง เพราะแม้ว่าผู้เล่นสำรองก็ต้องมีเกณฑ์มาตราฐานเช่นกัน"
ขณะที่ในนามทีมชาติก็ไม่ต้องกังวลด้วยว่าผู้เล่นบางรายที่เรียกตัวมาเช่นพวกยู-19 หรือ 23 ปี ที่หลายคนไม่มีเกมในลีกหรือได้ลงสนามน้อยจะไม่ฟิต เพรสะจะต้องผ่านเกณฑ์ก่อนจึงจะเล่นในลีกได้ ดังนั้นทำให้ทุกคนต้องฟิตเทากันอยู่เสมอ เมื่อเรียกตัวมาช่วยชาติก็จะพร้อมในเรื่องของสมรรถภาพร่างกายใช้งานได้ทันที
นอกจากนี้ทางกุนซือใหญ่ของทัพ "ช้างศึก" ยังเผยถึงการเรียกนักเตะมารับใช้ทีมชาติอีกว่า ทีมชาติไทยของเราแข็งแกร่งขึ้นมาได้จากสโมสร สโมสรเป็นเจ้าของที่แท้จริงในการพัฒนาพัฒนานักเตะ เพราะว่าสมรรถภาพร่างการ เทคติก ทุกอย่างจะเริ่มต้นที่สโมสรเป็นหลัก ส่วนตนเองนั้นก็มีหน้าที่ไปสเก๊าท์ว่าคนไหนที่มีความสามารถในการที่จะรับใช้ชาติ ฉะนั้นตรงนี้ก็ต้องขอบคุณทางสโมสร เพราะว่าสโมสรเอง เป็นผู้ที่ดูแลในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเงินเดือน ชีวิตความเป็นอยู่ แต่อย่างไรน้องๆทุกคนก็มีความภูมิใจที่จะรับใช้ชาติ
ส่วนเรื่องของการเรียกผู้เล่นทีมชาติมาร่วมทัพในแต่ละครั้งทางแม่ทัพช้างศึกชุดใหญ่เผยว่า เราเองก็จะดูผู้เล่นแต่ละคนในสโมสรว่ามีความเหมาะสมที่จะมาร่วมเล่นทีมชาติหรือเปล่า จริงแล้วนักเตะหลายคนค่อยข้างปรับตัวได้เร็ว เราก็จะใช้ตำแหน่งที่เขาถนัดที่สุด เมื่อมาเล่นทีมชาติก็ให้เลือกตำแหน่งที่เขาถนัดที่สุดก่อน แต่ถ้าคนไหนเล่นได้หลายตำแหนงก็จะมีการโรเตชั่น ซึ่งตรงนี้ทุกๆคนก็ทำได้ดีอย่างที่ผ่านมา ดังนั้นทุกคนมีโอกาสเสมอกับการเข้ามาเล่นทีมชาติ
ขณะเดียวกันในส่วนการเตรียมความพร้อมของทีมคู่แข่งร่วมสายฟุตบอลโลกกับทีมชาติไทยอย่างสหรับอาหรับอิมิเรสต์ หรือ ยูเออี ที่จะพบกันเกมแรกซึ่งทัพช้างศึกจะบุกไปเยือนวันที่6 ต.ค. 59 นั้น ทางโค้ช เมห์ดี้ อาลี กุนซือใหญ่ของทีมยูเออี ก็มีการประกาศตัวผู้เล่น 25 คนที่จะไปเข้าแคมป์ที่สเปนเป็นเวลา 1 เดือนระหว่างวันที่ 11ก.ค.-10ส.ค. 59 ซึ่งจะมีเกมอุ่นเครื่องกับทีมสโมสรในสเปน 2-3 สโมสร
ประกอบด้วย 8 ผู้เล่นจากสโมสรอัลอาลี: มาเจ๊ด นัสเซอร์ ,อับดุลอาซิซ ไฮคาล, อับดุลอาซิซ ซูเคอร์,วิลิด อับบาส, คามิส อิสมาอิล,ฮาบิ๊บ ฟาร์ดาน, อิซมาอิล อัลฮัมมาดี้ และ อาเหม็ด คาลิล , 7คนจากสโมสร อัลไอน์ : คาเหล็ด อิซซ่า, อิซมาอิล อาเหม็ด,โมฮัมเหม็ด อาเหม็ด,โมฮันน๊าด ซาเล็มอันซี่, โมฮัมเหม็ด อับดุลราห์มาน, โมฮัมเหม็ด เฟาซี่ และ โอมาร์ อับดุลราห์มาน ,4รายจาก อัลจาซีเราะห์ : อาลี คาซีฟ, ฟาเรส จูม่า, สุลต่าน อัลชัมซี่ และ อาลี มักบุ๊ต , 3 คนจากทีมอัลวาห์ดะห์ : ฮัมดาน อัลกามาลี่,โมฮัมหมัด อักบารี่ และ คาลิด บาวาเซียร์ และสโมสรละคน อาเมียร์ อับดุลราห์มาน จากบานียาส ,ฮัสซัน อิบราฮิม จากทีม อัล ชาบั๊บ และ ซาลิม ซาเลห์ จากทีม อัล นัสเซอร์