ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การกุมบังเหียนของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ในการทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ที่จะมีคิวเดินทางไปเก็บตัว ณ ประเทศกาตาร์ วันที่ 21 ส.ค.นี้ ก่อนที่จะบุกไปเล่นเกมแรกพบกับ ซาอุดิอาระเบีย วันที่ 1 ก.ย.
จากผลงานของ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางตัวรับของ เอสซีจี เมืองทองฯ ที่ลงเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟให้กับทีมชาติไทย คว้าแชมป์ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 44 ตลอดจน แชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014, ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง, ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2016 และคว้าอันดับ 4 เอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ประเทศเกาหลีใต้
"ซิโก้" ได้พูดถึงลูกทีมรายนี้ว่า "การคว้าแชมป์ คิงส์ คัพ ครั้งที่ผ่านมา ส่วนประกอบหลักของเราก็คือเกมรับที่สามรถทำได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งการจับคู่กันของ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ อดิศร พรหมรักษ์ ที่ถือว่ารู้ใจหลังจากเล่นกันมาหลายรายการ ทำให้เกิดความลงตัวมากทีเดียว"
"ที่สำคัญจากการที่กองหลังของทีมได้รับบาดเจ็บหลายคน ซึ่งผมคิดว่าคงจะถึงเวลาแล้วที่ผมจะให้ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟอย่างถาวร ในการลุยฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย เพราะเขาแสดงให้เห็นถึง การอ่านเกมที่เฉียบขาด, ตัดเกมที่แม่นยำ พร้อมกับมีลูกหนักอีกด้วย"
แม่ทัพ "ช้างศึก" ยังบอกอีกว่า "ในรอบ 12 ทีมสุดท้าย ผมคงจะไม่มีการเรียกผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทดสอบระบบแล้ว เพราะจะต้องใช้ 23 นักเตะที่เล่นด้วยกันมาจากรอบที่แล้วลงสนาม อย่างไรก็ตามการส่งชื่อเราจะลิสต์ออกมา 30 คน ในการทำวีซ่าออกไปเป็นทีมเยือน ก่อนจะตัดเหลือ 23 แข้ง เพื่อดูว่าใครมีความสมบูรณ์และฟอร์มดีที่สุดในเวลานั้น"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทีมชาติไทยจะคว้าแชมป์คิงส์คัพได้ แต่คะแนนสะสมจากการจัดอันดับโลกของฟีฟ่าในเดือนหน้านั้น จะลดลงจาก 302 คะแนน มาเหลือ 294 คะแนน เนื่องจากคะแนนในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2013 ที่ไทยเคยอุ่นเครื่องชนะจีน 5-1 จะหลุดจากการคำนวณ แต่ทีมชาติไทย ยังคงจะครองเบอร์ 1 ของอาเซียนต่อไป เพราะฟิลิปปินส์จะรั้งตำแหน่งที่ 2 ในภูมิภาคนี้ต่อไป โดยมี 259 คะแนน ขณะที่เวียดนามมี 257 แต้ม รั้งที่ 3 ของอาเซียน