ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม เอฟ
วันพฤหัสบดีที่ 24 มี.ค. 59 สนาม ปาซ เตหะราน
ทีมชาติอิรัก 2-2 ทีมชาติไทย
ถึงเวลาชี้ชะตา"อิรัก-ไทย"ใครจะเป็นแชมป์กลุ่ม
วิศรุต มีบำรุง และ กิตติ ทัพมาลัย ผู้สื่อข่าวและช่างภาพนสพ.สยามกีฬา บก.ฟุตบอลสยาม รายงานเกมศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม เอฟ ระหว่าง อิรัก พบ ไทย ที่สนามปาซ เตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยหากทีมชาติไทยมีแต้มกลับบ้านได้ ก็จะทำให้โอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสาม หรือรอบ 12 ทีมสุดท้ายค่อนข้างสดใส
ทีมชาติไทยนำพระบรมฉายาลักษณ์ปลุกขวัญ
ขณะที่เวลา 16.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่ประเทศอิหร่าน ทีมลูกหนัง "ช้างศึก" ทีมชาติไทย นำโดย "พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์" ผู้จัดการทีมชาติไทย รวมถึง "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ และทัพนักเตะได้เดินทางมาถึงสนาม โดยการเดินทางถึงสนามครั้งนี้ได้มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์นำทัพมาด้วย เพื่อสร้างความฮึกเหิมให้กับทีมชาติไทยก่อนลงสู่สนาม
อิรักมาเต็มหวังทีมรักชนะทั้ง 2 นัดที่เหลือ
บรรยากาศหน้าสนามปาซ เตหะราน ก่อมการแข่งขันถือว่าบรรยากาศค่อนข้างคึกคักเป็นอย่างมาก โดยมีกองเชียร์อิรักราวกว่า 3,000 ชีวิต ได้เดินทางมาเชียร์ทีมชาติที่รักของพวกเขาเอง ส่วนใหญ่เน้นความเฮฮากับกลุ่มแฟนพวกเดียวกันเอง รวมถึงชาวอิหร่านที่มาขายสินค้าที่ระลึกที่หน้าสนาม ซึ่งทั้งหมดต่างเชื่อว่าทีมชาติอิรักของ ยาย่า อัลวาน จะสามารถเอาชนะคู่แข่งทั้ง ไทย และเวียดนาม โดยการได้เป็นแชมป์สายเอฟอย่างแน่นอน
ยาย่า อัลวาน ส่ง'มาห์มู้ด"วัย 37 ปีหวังโขก
ขณะที่ ยาย่า อัลวาน กุนซือใหญ่ทีมชาติอิรัก วัย 55 ปี ส่ง 11 ตัวแรก มีสตาร์ดังครบครัน ทั้ง อาลี อัตนาน ปีกซ้ายจากอูดิเนเซ่ รวมถึง ยูเนส มาห์มู้ด กองหน้าลายครามวัย 37 ลงสนามเพื่อหวังเผด็จศึกลูกกลางอากาศ สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงของอิรักในเกมนี้ ประกอบด้วย นอร์ ซาบี้ อาบาส (ผู้รักษาประตู), แดร็กแฮม อิสมาเอล, อาลี อัตนาน, อับดุลลาเม, ยูเนส มาห์มู้ด, ไฟซาล จาซิม, ซาลาม ซัคเคอร์, อาลี เอไฮม่า, อาลี ไฟซาล, อาเหม็ด คาฮิม, แซด อับดุลลาเม
"ซิโก้"ส่ง4-3-3'ก้อง-มุ้ย-มงคล"3หัวหอก
ส่วนทีมชาติไทยภายใต้การนำทัพของ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ที่คาดว่ายังคงจัดผู้เล่น 11 ตัวแรกในระบบถนัด คือ 4-3-3 ซึ่งคาดว่าน่าจะประกอบด้วย - กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตู, แบ็กขวา- ทริสตัน สมชาย โด, แบ็กซ้าย - ธีราทร บุญมาทัน (กัปตันทีม) คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ- กรวิทย์ นามวิเศษ และ ธนบูรณ์ เกษารัตน์, กองกลาง 3 ราย - สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, กองหน้า 3 ราย - เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, ธีรศิลป์ แดงดา, มงคล ทศไกร ส่วนในรายของ "เจ้าโน๊ต" จักรพันธ์ แก้วพรม กองกลางที่กลับมาติดทีมชาติ จะยังออกสตาร์ตเป็นตัวสำรอง
สำหรับผู้เล่นคนอื่นๆ ที่น่าจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวสำรองของทีมชาติไทย ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู 2 ราย - สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, สมพร ยศ, ผู้เล่น - สุทธินันท์ พุกหอม, ประทุม ชูทอง, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ประกิต ดีพร้อม, จักรพันธ์ แก้วพรม, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ศราวุฒิ มาสุข, อดิศักดิ์ ไกรษร และ ธนา ชะนะบุตร
โดยหากรายชื่อ 11 ตัวแรกไม่พลิกโผตามที่คาดไว้ ก็จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ 2 รายเกมเลกแรกที่ไทย เสมออิรัก 2-2 เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2015 โดยเกมนั้นมี สุทธินันท์ พุกหอม และ สรรวัชญ์ เดชมิตร ที่มีชื่อลงเล่นเป็น 11 คนแรก ทีมชาติอิรักใส่ชุดสีเขียวล้วน ส่วนทีมชาติไทยใส่ชุดสีน้ำเงินทั้งหมด
ทีมชาติไทย จัดทัพชุดเก่งในระบบ 4-3-3 นำโดย "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา บดกับ อิรัก ที่สนามกลางใน อิหร่าน โดยหากไม่แพ้ "ช้างศึก" จะการันตีแชมป์กลุ่มทันที ในการเข้ารอบต่อไป
อิรักบุกใส่ "กวินทร์" บินได้เซฟไทย
เปิดฉากเริ่มเกมอิรักเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ทันที และ น.5 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูขึ้นนำก่อน จากลูกเตะมุม อาลี อัตนาน เปิดมาที่เสาสอง บอลขลุกขลิกหน้าประตูมาเข้าทางอับดุลลาเมซัดผ่านมือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน ไทยรอดพ้นการเสียประตูไปอย่างหวุดหวิด
น.10 ไทยได้โอกาสสวนกลับเร็วและมีจังหวะทักทายครั้งแรก ธีรศิลป์ แดงดา ชิ่งบอลจังหวะเดียวให้ ปกเกล้า อนันต์ กระชากขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะตะบันเต็มแรงข้ามคานออกหลังไป
น.16 อิรักทุ่มไกลจากฝั่งซ้ายบอลกระดอนพื้นหนึ่งจังหวะข้ามหัว ธนบูรณ์ เกษารัตน์ แนวรับของไทยที่กะจังหวะขึ้นโหม่งพลาด ก่อนที่จะเป็นอับดุลลาเมที่วิ่งสอดขึ้นมาสะกิดบอลเปลี่ยนทางแต่ข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
น.20 อิรักโต้กลับเร็ว ยูเนส มามูด โหม่งเช็ดมาให้อับดุลลาเมสับไกยิงเต็มแรงหน้ากรอบเขตโทษ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารไทยซูเปอร์เซฟปัดข้ามคานไว้ได้
น.26 ชนาธิป สรงกระสินธ์ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวกระชากหนีแนวรับอิรัก ก่อนจะตวัดยิงมุมแคบไปเข้ามือผู้รักษาประตู และนาทีถัดมาอิรักสวนกลับขึ้นมาทันที อับดุลลาเมสับไกยิงอีกครั้ง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ พุ่งปัดไว้ได้ปลายมือ
"มงคล" โขกช้างศึกพลิกนำ 1-0
น.34 อาลี อัตนาน กระชากหนี ทริสตัน โด ทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนจะเปิดมาที่เสาสอง ยูเนส มามูด ขึ้นโหม่งก็ไปตรงตัวผู้รักษาประตูของไทยอีกครั้ง
น.38 ไทยได้ลุ้นจากจังหวะที่วางบอลยาวกลางสนาม นอร์ ซาบี้ อาบาส นายทวารอิรัก วิ่งออกมาจะตัดบอล แต่ ปกเกล้า อนันต์ ถึงบอลก่อนกระดกข้ามหัวไปแล้วแต่โดนกองหลังอิรักสกัดทิ้งไว้ได้หวุดหวิด และจากลูกเตะมุม ธีราทร บุญมาทัน เปิดมาที่เสาแรก มงคล ทศไกร โหม่งเช็ดผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปซุกก้นตาข่ายไทยนำ 1-0
หลังเสียประตูอิรักก็บุกหนักทันที ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว อาลี อัตนาน ตอกส้นให้ แดร็กแฮม อิสมาเอล กดด้วยซ้ายข้ามคานออกไป และช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.45+2 มงคล ทศไกร โดนใบเหลืองจากการเข้าสกัดผู้เล่นอิรัก หมดครึ่งแรกไทยขึ้นนำก่อน 1-0
"เอไฮม่า" ซ้ำดาบสองอิรักตีเจ๊า 1-1
เข้าสู่ครึ่งหลังอิรักได้ลุ้นก่อนน.50 ยูนิส มาห์มูด โหม่งตั้งให้ ไฟซาล จาซิม ล้มตัวยิงนอกกรอบเขตโทษแต่ว่าเบาเกินไปเข้ามือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารไทยรับไว้ได้สบายๆ
น.61 ทีมชาติไทยเปลี่ยนผู้เล่นคนแรก ส่ง อดิศักดิ์ ไกรษร ลงเล่นแทน มงคล ทศไกร เกมดำเนินมาถึงน.65 อิรักก็ตามตีเสมอได้สำเร็จ อาลี อัดนาน ตวัดยิงด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ปัดจังหวะแรกแต่ไม่พ้นอันตราย บอลปลิ้นมาเข้าทางปืน อาลี เอไฮม่า วิ่งตามซ้ำดาบสองระยะเผาขนเข้าไปให้อิรักตามตีเสมอ 1-1
หลังได้ประตูตีเสมออิรักก็บุกหนัก อาลี อัดนาน เปิดฟรีคิกมาที่เสาสอง ซาลาม ซัคเคอร์ โหม่งเกือบจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ซูเปอร์เซฟปัดข้ามคานไปได้หวุดหวิด
"อดิศักดิ์" ชาร์จเผาขนไทยนำ 2-1
น.75 ไทยเปลี่ยนผู้เล่นคนที่สองส่ง ประทุม ชูทอง ลงเล่นแทน ชนาธิป สรงกระสินธ์ และอีกราย ศราวุฒิ มาสุข ลงเล่นแทน เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ น.81 ไทยได้ลุ้นบ้าง อดิศักดิ์ ไกรษร ล็อกบอลในกรอบเขตโทษโดนจิ้มสกัดไว้ได้ แต่บอลมาเข้าทาง ธีรศิลป์ แดงดา สับไกยิงด้วยซ้ายเฉี่ยวเสาออกไปแบบได้ลุ้น
น.83 อาลี อัดนาน กระชากขึ้นมาสุดเส้นด้านซ้าย ก่อนจะปาดเรียดมาที่บริเวณจุดโทษ อาเหม็ด อับดุลลาห์ แปไม่ถนัดข้ามคานออกไป เกมดำเนินมาถึงน.85 ไทยขึ้นนำอีกครั้ง ธีราทร บุญมาทัน เปิดฟรีคิกทางกราบขวาบอลแฉลบหัวกองหลังอิรัก มาที่เสาสอง อดิศักดิ์ ไกรษร เบียดกับแนวรับเจ้าบ้านก่อนจะแทรกตัวจิ้มผ่านมือนายทวารเข้าไปให้ไทยขึ้นนำอีกครั้ง 2-1
"กรวิทย์" สกัดเข้าประตูตัวเองอิรักตีเจ๊า 2-2
ช่วงทดเจ็บอิรักบุกหนักและมาตามตีเสมอได้สำเร็จ น.90+4 จากการยิงของ อาลี อัดนาน เปิดมาที่หน้าประตู กรวิทย์ นามวิเศษ สกัดเข้าประตูตัวเองทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 2-2 หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมอิรักเสมอกับไทย 2-2 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ซึ่งทำให้ไทยมี 14 แต้ม คว้าแชมป์กลุ่ม เอฟ เป็นที่แน่นอนแล้ว พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายต่อไป ขณะเดียวกันจากการเสมอกับอิรัก 2-2 ยังถือเป็นสถิติใหม่จากที่ไม่เคยเสมอหรือชนะได้เลยยาวนานถึง 39 ปีแล้ว
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่ เวียดนาม เปิดบ้านชนะ ไต้หวัน 4-1 โดยเกมนัดสุดท้ายระหว่างอิรัก พบ เวียดนาม จะแข่งขันในวันที่ 29 มี.ค นี้ ซึ่งเวียดนามยังมีลุ้นเข้ารอบ และต้องเอาชนะอิรักให้ได้สถานเดียวถึงจะมีโอกาสอีกครั้ง
คะแนนความสามารถของนักเตะทั้งสองทีม
ไทย : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ 9, คริสตัน สมชาย โด 8.5, ธีราทร บุญมาทัน 8.5, กรวิทย์ นามวิเศษ 8.5, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ 8.5, สารัช อยู่เย็น 8, ปกเกล้า อนันต์ 8, ชนาธิป สรงกระสินธ์ 7.5 (ประทุม ชูทอง 7.5), เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ 8, ธีรศิลป์ แดงดา 8, มงคล ทศไกร 8 (อดิศักดิ์ ไกรษร 8)
อิรัก : นอร์ ซาบี้ อาบาส 7, แดร็กแฮม อิสมาเอล 7, อาลี อัดนาน 7.5, อับดุลลาเม 7.5, ยูนิส มาห์มูด 7.5 ,ไฟซาล จาซิม 7.5, ซาลาม ซัคเคอร์ 7 (อาเหม็ด 7), อาลี เอไฮม่า7.5, อาลี ไฟซาล 7, อาเหม็ด คาฮิม 7, แซด อับดุลลาเม 7