จากกระแสข่าวคำอ้างจากคณะกรรมการกลางการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ 11 ก.พ. 59 ที่ว่า หากทีมในลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ไม่ยอมถอนฟ้องจากศาลปกครองก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้น มีสิทธิ์ที่จะทำให้ฟีฟ่าสั่งลงโทษแบนทีมชาติไทยจากการแข่งขันในระดับนานาชาติทันทีอีกด้วย
ล่าสุด ดร.กษม ชนะวงศ์ ที่ถือว่าคลุกคลีร่วมกับ เอเอฟซี และ ฟีฟ่า มาอย่างยาวนาน ซึ่งถือเป็นอดีตผู้จัดการโครงการ เอเอฟซี วิชั่น ไทยแลนด์ 2008-2012 รวมถึง ฟีฟ่า อินสตรัคเตอร์ และผู้จัดการทั่วไปการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ฯลฯ ที่ได้เผยถึงข้อเท็จจริงกับเหตุและผลที่ฟีฟ่าจะลงโทษแบนชาติสมาชิก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะสั่งแบนกันแบบง่ายๆ ต้องมีเหตุและผลหลายประการตามหลักของฟีฟ่าดังนี้
"ตามธรรมนูญฟีฟ่า หรือ FIFA STATUTES ปี 2015 ได้ระบุหน้าที่ของสมาชิกของฟีฟ่าไว้ในหมวด 13 ข้อ 1i ไว้ว่า สมาชิกของฟีฟ่าจะต้องบริหารกิจการของตนเองอย่างมีอิสระและจะต้องไม่ถูกแทรกแทรงจากกลุ่มบุคคลที่สาม หมายความว่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะต้องบริหารงานของตนเองโดยปราศจากแทรกแทรงจากภายนอกที่มิใช่สมาชิกของสมาคมฯ โดยการแทรกแทรงนั้นอาจรวมถึง รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ และในประเด็นที่ถกเถียงอยู่ในปัจจุบันคือศาลต่างๆ ของไทย"
"แต่ตามที่มีกระแสข่าวว่าฟีฟ่าจะแบนไทยนั้น ต้องกลับไปดูว่าเป็นอำนาจของใครในฟีฟ่าที่จะสามารถแบนไทยได้ ในหัวข้อ 14 ของธรรมนูญฟีฟ่า กล่าวถึงเรื่องการพักสมาชิกภาพว่า เป็นอำนาจของที่ประชุมใหญ่ของฟีฟ่า (Congress)"
"หรือหากกรรมการบริหารฟีฟ่า (หากเป็นกรณีเร่งด่วนจะเป็นคณะกรรมการฉุกเฉิน หรือ Emergency Committee) เห็นว่าสมาชิกมีการละเมิดธรรมนูญฟีฟ่าอย่างร้ายแรงอาจสั่งให้มีการพักสมาชิกภาพชั่วคราวทันที จนกว่าจะมีการประชุมใหญ่ ซึ่งมติของที่ประชุมใหญ่จะต้องมีเสียงรับรองไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 จึงจะสามารถพักสมาชิกภาพได้ ในส่วนของการตัดสินใจของฟีฟ่า ไม่ว่าจะเป็น Executive Committee หรือ Emergency Committee ก็ดี จะต้องได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนและคิดว่าไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย ซึ่งองค์กรระดับนานาชาติอย่างฟีฟ่าจะต้องละเอียดรอบคอบ ก่อนที่จะมีผลตัดสินใดๆ
โดยจากอดีตที่ผ่านมา มีผู้นำเรื่องของสมาคม ไปฟ้องต่อศาลปกครองมากมาย แต่สมาคมไม่เคยนำเรื่องไปฟ้องฟีฟ่า เพราะยอมรับอำนาจศาลไทย มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ฟีฟ่าบังคับให้สโมสรพัทยา ซิตี้ ถอนฟ้อง เนื่องจากฟีฟ่ามาสังเกตการณ์ในวันที่มีหมายศาลให้คุ้มครองไม่ให้มีการประชุมใหญ่เมื่อปี 2558"