ความเคลื่อนไหว "ทัพช้างศึก" ทีมชาติไทย อายุไม่เกิน 23 ปี ที่เตรียมทำศึกฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย ระหว่างวันที่ 12-30 ม.ค. 59 ที่ประเทศกาตาร์ เพื่อลุ้นตั๋ว 1 ใน 3 ไปร่วมการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกที่ประเทศบราซิล ปี 2016 ภายใต้การการคุมทัพของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่ล่าสุดนั้นได้ปล่อยนักเตะพักกลับบ้านช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.-1 ม.ค. 59 ก่อนจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งวันที่ 2 ม.ค. 59 ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค และซ้อมต่ออีกหนึ่งมื้อและออกเดินทางไปประเทศกาตาร์ในวันถัดมาเพื่อไปปรับตัวสร้างความคุ้นเคยกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่กาตาร์ รวมถึงมีคิวจะลงสนามอุ่นเครื่องที่กำหนดเอาไว้อย่างน้อย 3 นัด กับเจ้าภาพ กาตาร์, โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี
ทว่าจากการรายงานของ ธีระพงษ์ วัฒนวงศ์ภิญโญ รองเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ออกมาเปิดเผยว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าทีมช้างศึกของไทยจะได้อุ่นเครื่องกับชาติใดในช่วงของการเดินทางไปเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์
เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวทางเจ้าภาพกาตาร์ ซึ่งได้ติดต่อมาเป็นทีมแรกยังไม่กำหนดวันที่ชัดเจน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ยังติดภารกิจเตรียมความพร้อมด้วย ส่วนยูเออีที่ส่งหนังสือมา ก็ขอให้ทีมไทยเดินทางไปเตะที่ยูเออี แต่เราพร้อมลงเล่นที่กาตาร์มากกว่า ส่วนโอมานเก็บตัวอยู่ที่กาตาร์อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าพร้อมจะเล่นวันไหนนั้น ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ทีมโอลิมปิกของไทยจะพลาดอุ่นเครื่องกับ 3 ทีมที่ตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้
ทว่าอย่างไรก็ตามทางรองเลขาฯ ลูกหนังไทย ก็ยังเผยอีกว่าได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้วคือ จะทาบทีมระดับสโมสรที่มีความแข็งแกร่งและระดับท็อปของลีกกาตาร์ลงอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทยแทน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะสามารถทดแทนและทำให้ทีมชาติไทยได้รับประโยชน์จากการอุ่นเครื่องนี้ใม่น้อยแน่นอน
ขณะที่ทาง "ซิโก้" กุนซือใหญ่ของทีมชาติไทย ซึ่งอยู่ในช่วงการพักผ่อนกับครอบครัวที่ จ.ขอนแก่น ก็ได้กล่าวถึงเรื่องเกมอุ่นเครื่องดังกล่าวที่อาจจะไม่ใช่ทีมชาติแต่จะเป็นทีมสโมสรแทนนั้นว่า ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะอย่างไรการอุ่นเครื่องช่วงกล่าวเป็นการทบทวนการเล่นไม่ได้จริงจังอะไรมากมายจะอุ่นกับทีมใดก็ได้ แต่ขอให้มีก็แล้วกันเท่านั้น
"เราเดินทางไปกาตาร์คืนวันที่ 3 ซึ่งตอนนั้นสภาพความพร้อมของทีมชาติไทยก็ถือว่าพร้อมแล้ว ซึ่งการเดินทางไปก่อนสัปดาห์กว่าๆ นั้นก็เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมของตะวันออกกลาง การได้ลงอุ่นเครื่องก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสหรือวิตกกังวลอะไรหากว่าทีมที่จะเล่นด้วยไม่ใช่ทีมชาติ แต่เป็นทีมระดับสโมสร เพราะเราแค่ต้องการใช้เป็นเกมทดสอบความพร้อมทบทวนวิธีแนวทางการเล่นเท่านั้น ไม่ได้มองหรือเน้นไปที่ผลการแข่งขัน เพราะเป้าหมายของเราอยู่ที่เกมการแข่งขันจริงทั้ง 3 นัดมากกว่า ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาขอเพียงให้มีเกมเล่นเท่านั้นก็พอ เพื่อจะได้ให้น้องๆ ได้เรียนรู้เทคนิคการเล่นของทีมแถบตะวันออกกลางที่เราจะต้องเจอในเกมแรก"
นอกจากนี้ทาง "ซิโก้" แม่ทัพใหญ่ของทีมโอลิมปิก ยังเผยถึงการนำทัพเดินทางไปร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ว่าไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร จากผลงานย้อนหลังของทีมชาติไทยที่ถือว่ารอบปีที่ผ่านมา ทำผลงานดีทุกชุด เพียงในทุกครั้งที่ลงสนามจะต้องเต็มที่และทำให้ดีที่สุด และมองว่าเป็นงานที่ท้าทายกับตนเองและนักเตะทุกคนมากกว่า
"ผมไม่ได้รู้สึกกดดันกับการคุมทัพเดินทางไปแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ เมื่อต้องเทียบกับผลงานของทีมชาติไทยในแต่ละชุดผ่านมารอบปีซึ่งถือว่าออกมาดี สร้างความสุขให้กับแฟนบอลทั้งประเทศมาตลอด และการที่เราจะต้องเจอกับทีมอย่างซาอุดีอาระเบีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีเหนือ ที่ทุกคนมองว่าเป็นทีมที่ดีกว่า มันไม่ได้ทำให้ผมกดดันอะไร เพราะทุกครั้งเราทำงานหนักเต็มที่สุดความสามารถ ผมมองว่ามันเป็นงานที่ท้าทายมากกว่า การไปแบบพระรองหรือตัวประกอบม้ามืด นี่คือเหตุผลที่ไม่ต้องมานั่งกดดันอะไร แค่ทำให้ดีที่สุด สู้ให้เต็มที่เชื่อว่าทุกคนจะเห็นเอง แต่ทุกครั้งผมและทีมงานรวมถึงนักเตะทุกคนไม่เคยยอมแพ้ พร้อมกระตุ้นนักเตะทุกคนให้เต็มร้อย เพราะนี่คือช่วงจังหวะของชีวิตที่อาจจะพลิกผันอนาคตของทุกคน หากได้ไปโอลิมปิกจะเป็นนักเตะชุดประวัติศาสตร์ทันที ที่ทุกคนจะบันทึกจดจำไปอีกยาวนาน เฉกเช่นนักเตะรุ่นพี่ๆ ที่ผ่านมา
ทั้งนี้สำหรับทีม "ช้างศึก" ในการแข่งขันฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย ระหว่างวันที่ 12-30 ม.ค. 59 ที่ประเทศกาตาร์ อยู่กลุ่ม บี มีโปรแกรมลงสนามนัดแรก วันที่ 13 ม.ค. พบ ซาอุดีอาระเบีย เวลา 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย, นัด 2 วันที่ 16 ม.ค. พบ ญี่ปุ่น เวลา 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย และนัด 3 วันที่ 19 ม.ค. พบ เกาหลีเหนือ เวลา 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยทุกนัดแข่งขันที่สนามแกรนด์ฮาหมัด ซึ่งทางช่อง 7 สีถ่ายทอดสดทุกนัดที่ทีมชาติไทยลงสนาม