"มุ้ย"-"เจ" ยังแยกซ้อมกับเพื่อน

 
         ความเคลื่อนไหวทีมชาติไทย ที่เดินทางมาเก็บตัวยัง กิเลน วัลเล่ย์ เข้าสู่วันที่ 3 ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ลงซ้อมเพียงมื้อเดียวในเวลา 16.00 น. โดย "เทพมุ้ย"ธีรศิลป์ แดงดา ยังทำการแยกซ้อม เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง ทว่าเจ้าตัวสามารถกลับมาแปบอลได้แล้ว

          
         ในรายของ "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณโคนขาหนีบด้านขวา ระหว่างการซ้อมช่วงเย็นของวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ทำการแยกซ้อมเช่นกัน ซึ่ง อ.วิฑูรย์ มิ่งขวัญ นักกายภาพประจำทีม ได้ให้ดาวเตะจาก บีอีซี เทโรศาสน ทำการฟิตเนสร่างกายท่อนบนเท่านั้น ซึ่งมีรายงานว่าน่าจะกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ ในวันที่ 7 พ.ย. นี้

 
              
         โดยการซ้อมของขุนพล "ช้างศึก" เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชของทีม ได้ให้นักเตะได้เริ่มจากการวิ่งวอร์ม ต่อด้วยการเล่นลิงชิงบอล และแบ่งทีมละ 7 คน เพื่อทำการเล่นสมอลไซด์เกมทั้งหมด 3 นัด ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จสิ้น

      
"ซิโก้" เผย 2 แข้งเตรียมคัมแบ็ก

 
              
         หลังเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีม ได้เปิดใจว่า ในวันนี้เราเห็นได้ชัดว่านักเตะมีความกระหายในการเล่นอย่างมาก เพราะดูได้จากการฝึกซ้อมที่มีความมุ่งมั่น และทุ่มเทเต็มที่ตลอดการเล่นสมอลไซด์เกม

               
         ขณะที่อาการบาดเจ็บของ "เทพมุ้ย" กับ "เมสซี่เจ" นั้น เจ้าตัวได้บอกว่า ธีรศิลป์ แดงดา สามารถกลับลงมาวิ่งกับเพื่อนร่วมทีมได้อีกครั้ง แต่ที่เราต้องแยกเขาออกไป เพราะอยากจะให้เขาเองได้มีความสมบูรณ์มากกว่าเดิม ในรายของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความกระหายที่อยากซ้อมกับทีมแล้ว หลังจากที่เราได้ให้ทีมกายภาพทำการดูแลเขาเป็นอย่างดี จนการซ้อมครั้งนี้เขาสามารถวิ่งกับทีมได้แม้ว่าจะได้รับอาการบาดเจ็บ ซึ่งเราคิดว่าในวันที่ 7 พ.ย. นี้ ทั้งสองคนน่าจะกลับลงมาฝึกซ้อมได้ตามปกติ

      
ให้เกียรติไม่เช็กเกมอุ่นของไต้หวัน

  
 
         ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวที่ได้ยิงประเด็นให้กับ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แม่ทัพ "ช้างศึก" เกี่ยวกับเรื่องที่ไต้หวันจะอุ่นเครื่องกับ โอสถสภา เอ็ม-150 สมุทรปราการ ในวันที่ 10 พ.ย. นี้ จะมีการส่งทีมงานไปสเกาต์ฟอร์มของคู่แข่งหรือไม่

  
         หลังจากที่ไต้หวันคู่แข่งของทัพ "ช้างศึก" เตรียมเดินทางจากประเทศตัวเองในวันที่ 7 พ.ย. นี้ เวลา 14.55 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) มายังเมืองไทย ด้วยเที่ยวบิน ซีไอ 839 ซึ่งจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 17.25 น.

 
         "ซิโก้" บอกว่า "ผมคงจะไม่ให้ทีมงานของเราไปชมเกมอุ่นเครื่องของ ไต้หวัน กับ โอสถสภา เอ็ม-150 สมุทรปราการ แน่นอน เนื่องจากเราต้องการให้เกียรติในฐานะการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ที่ต้องต้อนรับผู้มาเยือนด้วยการให้พวกเขาเตรียมทีมของตัวเอง"

               
         "ทว่าเมื่อเกมดังกล่าวจบลง ผมอาจจะสอบถามข้อมูลไปยังสโมสร โอสถสภา เอ็ม-150 สมุทรปราการ เกี่ยวกับแนวทางการเล่นของไต้หวัน แม้ว่าในวันดังกล่าวเราจะรู้ดีว่า 2 ตัวหลักของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น ซาเวียร์ เฉิม กองหลังลูกครึ่งเบลเยียม และ เฉิน โป เหลียง มิดฟิลด์กัปตันทีม อาจจะเพิ่งมารายงานตัว หลังเสร็จภารกิจจากสโมสรของจีนก็ตาม"

      
ขอตะบันหลังรู้ข่าวไม่เอาจริงในรังรับอิรัก

 
            
         ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า ไต้หวันมีเป้าหมายที่อยากจะมาเอาแต้มจากทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ในวันที่ 12 พ.ย. นี้ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้หวังที่จะเอาชนะอิรักในการกลับไปเล่นในบ้านวันที่ 17 พ.ย. แต่อย่างใด

 
             
         ทำให้อดีตกองหน้าจอมตีลังกาของทัพ "ช้างศึก" เผยว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องที่ไต้หวันคิดคล้ายคลึงกับเวียดนาม เพราะต้องการมาเอาแต้มจากทีมชาติไทยให้ได้ เนื่องจากมองว่าอิรักเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่ม เอฟ ในปัจจุบัน

               
         แต่อย่าลืมว่าถ้าไต้หวันมาเล่นเกมรับอย่างเดียว โอกาสที่พวกเขาจะยื้อได้ถึง 90 นาที อาจจะไม่เป็นผลก็เป็นได้ ทำให้ทีมชาติไทยไม่มีทางเลือก นั่นคือจะต้องหาช่องเจาะด้วยวิธีการต่างๆ แม้ว่าจะเป็นเกมที่อึดอัดก็ตาม ทว่าทีมต้องการ 3 คะแนนสถานเดียวเท่านั้น

      
ยักไหล่ "ยาห์ยา" บอกให้วัดนัดสุดท้าย

 
         จากกรณีที่ ยาห์ยา อัลวาน กุนซือใหญ่ของอิรัก ออกมาแสดงความมั่นใจว่า อีก 3 นัดนั้น ทั้งการ พบ ไต้หวัน (ย), พบ เวียดนาม (ห) และ ทีมชาติไทย (ห) พวกเขายังมีโอกาสที่ดีไม่น้อยในการเป็นแชมป์กลุ่ม แม้จะยังไม่ได้เป็นจ่าฝูงในตอนนี้ก็ตาม

 
         โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถาม "ซิโก้" ถึงประเด็นดังกล่าว ก่อนได้รับคำตอบจากเจ้าตัวว่า "เราคิดว่าสิ่งที่โค้ชอิรักพูดออกมานั้น น่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกทีมของเขา เนื่องจากเขาเพิ่งจะผ่านการเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ไปเพียงแค่ 3 แมตช์เท่านั้น"

 
         "ทว่าเมื่อสงครามยังไม่จบทำให้ผมคิดว่าเราจำเป็นที่ต้องวัดกันถึงนัดสุดท้าย ที่ทีมชาติไทยจะบุกไปเยือนอิรัก ในช่วงเดือน มี.ค. ของปี 2016 ฉะนั้นผมอยากจะให้จบเกมดังกล่าวเราจะมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม"