"เสธ.โต" พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ประธานคณะกรรมการกลาง มีมติไม่แก้ไขข้อบังคับของทางฟีฟ่าที่ให้การรับรอง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกัน พร้อมยืนยันจะเร่งสอบถามไปยัง กกท. ว่า เหตุใดถึงไม่รับรอง
หลังจากที่ ฟีฟ่า ได้ทำการแต่งตั้ง คณะกรรมการกลางการเลือกตั้ง เข้ามาดูแลการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ ชั้น 5 ของที่ทำการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) "เสธ.โต" พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ประธาน กกต. ได้นำทีมประชุมหารือวางแนวทางอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งขาดเพียงกรรมการอีก 1 คน คือ นายมานิต วรรธนะสาร
หลังจากใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษในการหารือ "เสธ.โต" พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ประธานคณะกรรมการกลาง ได้ออกมาแถลงว่า “ในวันนี้เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการกลางการเลือกตั้ง ได้ทำการหารือกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยที่ประชุมได้พิจารณากันว่า กรอบอำนาจ หน้าที่ ในการทำงานต่อไปให้คืนสู่สภาวะปกติของสมาคมฟุตบอลฯ จะเป็นไปด้วยแนวทางใด”
“ซึ่งเราได้ข้อยุติมาในระดับหนึ่งแล้วว่า สิ่งที่เราทำตามกรอบที่ฟีฟ่าต้องการ เราจะยึดเป็นหลักการดำเนินการ ทั้งนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึง ด้านกฎหมายของไทยที่เกี่ยวกับเรื่องการกีฬาด้วยว่า สิ่งเหล่านั้นจะไม่ขัดแย้งกัน โดยกรอบการทำงานในเบื้องต้นที่จะตกลงในหลักการคือ ตัวข้อบังคับ พ.ศ.2558 ตามพระราชบัญญัติการกีฬาฉบับใหม่ที่เพิ่งจะออกมาเมื่อเดือน มี.ค. ทางสมาคมฟุตบอลฯ ได้ส่งให้กับ กกท. แล้ว แต่ กกท. ยังอยู่ในช่วงของการพิจารณาอยู่ ทำให้ยังไม่ได้รับรอง”
“ขณะที่ฟีฟ่าเองได้นำข้อบังคับที่สมาคมฟุตบอลฯ เสนอไปยัง กกท. ส่งไปให้ ฟีฟ่า ด้วย ซึ่งฟีฟ่าได้ดูแลพร้อมกับดูแล้วว่าไม่มีสิ่งใด หรือข้อความใดที่มีข้อขัดแย้งของฟีฟ่า ทางฟีฟ่าจึงให้การรับรองมาในฉบับนั้น ทำให้เราคิดว่าในภาพรวมแล้วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เราจะไม่ไปก้าวก่ายแก้ไข การแก้ไขจะขึ้นอยู่กับ กกท. เท่านั้น เพราะการกีฬามีหน้าที่ที่จะต้องรับรองตามกฎหมาย แต่เราจะพิจารณาในกรอบนั้นโดยไม่แก้ไข”
“เสธ.โต”ยังบอกอีกว่า ต่อมาคือเรื่องของกรอบที่สำคัญคือการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ หรือคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ จะดำเนินการอย่างไร ทางฟีฟ่าจึงให้เรากำหนดแล้วให้โปร่งใส ยุติธรรม ซึ่งถือว่ากฎที่จะใช้ในการเลือกตั้ง อาจจะสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ที่ไม่กระเทือนต่อข้อบังคับที่ได้รับรองไปแล้ว
ในทางปฏิบัติอาจจะมีการปรับปรุงให้เป็นที่ยอมรับได้ ทางฟีฟ่าจึงได้เน้นเรื่องของเสียงจาก 6 ภูมิภาค ถึงที่ไปที่มาของแต่ละเสียงจะมีที่มาอย่างไร จึงให้คณะกรรมการทำการพิจารณา เพื่อเสนอให้กับฟีฟ่าได้ทราบด้วย ซึ่งเรารับรองว่าจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด กับการที่ฟีฟ่าเขาจะแบนหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่เขาขอให้เราทำ
และเราจะพิจารณาในกรอบนั้นว่าแต่ละสโมสรสมาชิกของแต่ละภาค จะได้มาอย่างไร ด้วยวิธีไหน โดยไม่แก้ข้อบังคับ ที่มาจากมาอย่างไรต้องมีการพิจารณาดู แล้วแต่การปฏิบัติที่ได้มาจะถูกต้องโปร่งใสหรือไม่ ถึงจะเลือกตั้งได้ กระนั้นก็ดียังมีในส่วนของรายละเอียดอีกพอสมควรที่ทำการกำหนดแผนคร่าวๆไว้แล้ว เป้าหมายสุดท้ายคือ การเลือกตั้งต้องมีก่อน 15 ก.พ.59 อย่างช้าที่สุดต้องมีก่อน 1 สัปดาห์ให้ได้ แล้วถอยเวลาในการทำงานกลับมา