ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย จ่าฝูงกลุ่ม เอฟ ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่เก็บไปแล้ว 10 คะแนนจาก 4 นัด โดยนัดต่อไป "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ จะนำลูกทีมเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบกับ ไต้หวัน วันที่ 12 พ.ย.นี้
และจากประเด็นที่ทีมชาติไทย อาจจะทำการหารือกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เพื่อขอเวลาในการเก็บตัวประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก่อนที่จะพบกับ ไต้หวัน เนื่องจากต้องการ 3 คะแนนสำคัญ ที่มีผลต่อการเข้ารอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม "เสธ.หนึ่ง"พ.อ.ดร.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก บ.ไทยพรีเมียร์ จำกัด ได้ออกมายืนยันในงาน มีท เดอะ เพรส โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2015 เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา แล้วว่า อาจจะให้เวลาการเก็บตัว 2 สัปดาห์ไม่ได้ เนื่องจากโปรแกรมในลีกค่อนข้างจะเต็มพิกัด แต่ทัพ "ช้างศึก"จะได้เวลา 10 วัน ในการซ้อมตั้งแต่วันที่ 2-11 พ.ย.นี้
ล่าสุด "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน ทีมชาติไทย เปิดเผยว่าพร้อมเรียกนักเตะมาเก็บตัวฝึกซ้อมตามที่ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด วางเอาไว้ คือวันที่ 2 - 11 พฤศจิกายน โดยจะไม่ขอเพิ่มแต่อย่างใด เพราะคิดว่า 10 วันเพียงพอต่อการเก็บตัวฝึกซ้อม
"ตามโปรแกรมที่ ทีพีแอล วางไว้คือ 10 วัน คือหากสโมสรจะปฏิบัติตาม ฟีฟ่า ที่มีสิทธิ์ปล่อยนักเตะให้กับทีมชาติแค่ 7 วัน ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด พร้อมให้ความร่วมมือกับสโมสรอยู่แล้ว โดยหลังจากจบเกมกับ เวียดนาม เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา เท่ากับว่านักเตะกลับไปรับใช้ต้นสังกัดแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น ก่อนจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งตอนนี้นักเตะทุกคนถือว่ามีความเข้าใจในแท็คติกเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่รู้สึกเป็นเรื่อง นอกจากอาการบาดเจ็บของนักเตะเท่านั้น"
ให้เครดิตทุกแข้งหลังสื่อทั่วโลกชม
สืบเนื่องจากเกมที่ทีมชาติไทย บุกไปเอาชนะ เวียดนาม ได้ 3-0 เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีสื่อจากทั่วทุกมุมโลกต่างออกมาสรรเสริญฟอร์มการเล่นของขุนพลจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา เริ่มจาก "เลกิ๊ป" หนังสือพิมพ์กีฬารายวันเล่มดังของประเทศฝรั่งเศส ยกย่องทีมชาติไทย ว่าเป็น บาร์เซโลน่า แห่งทวีปเอเชีย
สื่อยักษ์ใหญ่ของเมืองน้ำหอม ชื่นชมฟอร์มการเล่นของทีมชาติไทยว่า ต่อบอลกันได้อย่างไหลลื่นเหมือนกับมหาอำนาจลูกหนังแห่งศึก ลา ลีกา สเปน รวมทั้งมีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม หลังยังไม่แพ้ใครในกลุ่มเอฟ ก่อนที่จะเปิดบ้านต้อนรับ ไต้หวัน ในเกมนัดต่อไป วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายนนี้
ด้าน dreamteamfc.com เว็บไซต์ลูกของ The Sun แท็บลอยด์ชื่อดังของอังกฤษ ออกมาสรรเสริญลูกยิงของ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และ ธีราทร บุญมาทัน จากการประสานงานกว่า 16 จังหวะต่อเนื่อง ผ่านทางแฟนเพจ https://www.facebook.com/dreamteamfc/videos/1046632635355660/ โดยใช้คำว่า "INSANE! If you think the first goal is good, wait until you see the second... หรือแปลว่า บ้าไปแล้ว! ถ้าคุณคิดว่าประตูแรกสวยแล้วล่ะก็, รอดูอีกลูกหนึ่งก่อน..." ก่อนที่จะมีผู้ติดตามมากดไลค์และแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก โดยใช้คำกล่าวในการแชร์คลิปว่า
ไม่เพียงเท่านั้น สหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย จัดการโพสต์ประตูปิดท้ายสุดคลาสสิคของทีมชาติไทยแมทช์บุกถลุงเวียดนามถึงถิ่น 3-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ก่อนที่เว็บไซต์ดังจากอังกฤษอย่าง 101greatgoals.com จะแชร์ประตูดังกล่าวสู่สายตาแฟนบอลทั่วโลกอีกทอดหนึ่ง
ซึ่ง เอเอฟซียกย่องการเล่นจังหวะนี้ของทีมชาติไทยโดยนำไปเปรียบเทียบกับสไตล์การเล่นของบาร์เซโลนาเลยทีเดียว เห็นได้จากการตั้งชื่อคลิปวีดีโอที่โพสต์ลงยูทูปว่า มหัศจรรย์! การเล่น"ติกิ-ตาก้า"โดยทีมชาติไทย (FANTASTIC!!! Tiki-Taka play by Thailand)
ขณะที่เว็บไซต์ http://footballchannel.asia ยังยกให้การคาบอมบ์ถึงถิ่น 3-0 เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็น 1 ใน 5 เหตุการณ์ที่น่าจดจำของทีมชาติไทย ในการเอาชนะแข้งสกุลเหงียน ต่อจาก ซีเกมส์ ปี 1995 ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่ง ตะวัน ศรีปาน กับ เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ช่วยกันยิงไปคนละ 2 ลูก
ก่อนที่ปี 1996 จะมาเจอกันในรอบรองชนะเลิศของ ไทเกอร์ คัพ ซึ่งทัพ "ช้างศึก"ชนะไป 4-2 โดย "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือคนปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูให้กับทีมใน น.3 และในปี 2002 รายการเดียวกันในรอบรองชนะเลิศ ชนะไป 4-0 จาก วรวุฒิ ศรีมะฆะ, ณรงค์ชัย วชิรบาล, มานิตย์ น้อยเวช, ศักดิ์ดา เจิมดี ซึ่งในปีนั้นทีมชาติไทย ได้เป็นแชมป์อีกด้วย
ปิดท้ายที่ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ในรอบแรกที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่ง วินฟรีด เชเฟอร์ เฮดโค้ชทีมชาติไทยในช่วงดังกล่าว พาทีมเอาชนะ เวียดนาม ไป 3-1 ทว่าปีดังกล่าวขุนพล "ช้างศึก"จบด้วยการเป็นรองแชมป์ หลังจากพ่าย สิงคโปร์ ด้วยสกอร์รวมทั้งสองนัด
"ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนเมือง เฮดโค้ชของทีม เปิดใจเรื่องนี้ว่า "ต้องขอขอบคุณทุกสื่อจากทั่วโลก ที่ติดตามการเล่นของทีมชาติไทยในเกมบุกไปเอาชนะ เวียดนาม 3-0 ทว่าผมขอยกเครดิตทั้งหมดให้กับลูกทีม แต่เราคงจะต้องไม่หยุดในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
คาดแรงกิ้งอาจเพิ่มแค่ 2 อันดับ
จากชัยชนะในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เหนือทางฝั่ง เวียดนาม 3-0 และเกมอุ่นเครื่องที่ทีมชาติไทย เปิดสนามราชมังคลากีฬสถาน เฉือนชนะ ฮ่องกง ไป 1-0 จากการสังหารจุดโทษของ "กัปตันอุ้ม"ธีราทร บุญมาทัน ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลังนั้น
ทำให้มีการคาดการณ์ออกมาว่า ทีมชาติไทย ที่ปัจจุบันอยู่อันดับ 145 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง ต.ค.ที่ผ่านมา จ่อไต่ขึ้นเพียง 2 อันดับเท่านั้น ในเดือนพ.ย.นี้ แม้จะเปิดบ้านอุ่นเครื่องเฉือนชนะ ทีมชาติฮ่องกง 1-0 และบุกไปถล่มทีมชาติเวียดนาม 0-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ก็ตาม
โดยสาเหตุดังกล่าวเป็นเพราะว่าผลงานเฉลี่ยรอบ 4 ปีของทัพช้างศึกไม่ดีอยู่แล้ว อีกทั้ง ฮ่องกง (153) และ เวียดนาม (149) ต่างอยู่ในอันดับโลกที่ต่ำกว่าไทย ฉะนั้นแม้ว่าจะเอาชนะ แต่คะแนนคูณที่ได้จึงไม่มากนัก โดยคาดว่าจะเก็บเพิ่มเป็น 202 คะแนนจาก 196 คะแนนที่มีอยู่ และยังไม่สามารถแซง ฟิลิปปินส์ เป็นเบอร์หนึ่งแห่งอาเซียนได้
นอกจากนี้สาเหตุหลักที่ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานมาในครั้งนี้ เนื่องจากการคิดคำนวณของฟีฟ่า จะรวมกับผลงานการแข่งขันของ 4 ปีก่อน ทว่าในเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่ ทีมชาติไทย ชนะ ปาเลสไตน์ 1-0 (ห) และ เสมอ 2-2 (ย) กลับหลุดจากการคิดค่าสัมประสิทธิ์พอดี ซึ่ง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าจะประกาศการจัดอันดับโลกในเดือนต่อไปวันที่ 5 พ.ย.นี้