การแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 19 ปี ชิงแชมป์เอเชีย "เอเอฟซี แชมเปี้ยนชิพ 2016" รอบคักเลือก กลุ่ม เอช ที่ประเทศไทยรับเป้นเจ้าภาพ เพื่อหาตัวแทนเข้าไปแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประเทศบาร์เรน เมื่อันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา เวลา 19.00 น. เป็นคิวลงสนามของทัพช้างศึกจูเนียร์ทีมฟุตบอลเยาวชน 19 ปี ทีมชาติไทย รองจ่าฝูงของตารางคะแนน ที่มี 6 แต้มจากการเก็บชัยชนะเหนือไต้หวัน 3-0 และนอร์เทิร์นมาเรียนา 7-0 โดยจะพบกับ สิงคโปร์ ที่มี 4 คะแนนจากการ ชนะ 1 เสมอ 1

 
         โดยเกมนี้ "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด เทรนเนอร์ใหญ่ของทีม เน้นเกมรุกมาในระบบ 4-3-3 และกลับใช้ผู้เล่นชุดเดียวกับเกมนัดแรกเกือบทั้งหมดโดยมี ชาคร พิลาคลัง ยืนเฝ้าเสา แนวรับ 4 คนประกอบไปด้วย อาทิตย์ การสังเวช ยืนเป็นแบ็กขวา และแบ็กซ้ายใช้ ศรายุทธ สมพิมพ์ และ มีโชค มหาศรานุกูล จับคู่กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ เป็นหลังตัวกลาง แผงมิดฟิลด์ใช้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ และ สุภโชค สารชาติ โดยมี สุขสันต์ มุ่งเป้า, ฤทธิเดช เพ็ญสวัสดิ์ และ ศิริมงคล จิตบรรจง ทำเกมรุกร่วมกัน


 
         เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งแรก ทีมชาติไทยเปิดเกมรุกกดดันทันทีและมาได้ลุ้นตั้งแต่ น.5 จากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ พาบอลแหวกแนวรับสิงคโปร์ ก่อนบอลไปเข้าทาง สุขสันต์ มุ่งเป้าแทงให้ ศิริมงคล จิตบรรจง หลุดเข้าไปยิงด้วยขวา แต่ มูฮัมหมัด ชาฟาน โรฮายซาด นายทวารสิงคโปร์ ยังใช้ขาสกัดออกไปได้


 
         น.6 ทีมชาติไทยเริ่มขึงเกมรุกไว้ได้เกือบจะทั้งหมด และเกือบมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ได้บอลตรงกลางสนาม ก่อนจะลากบอลเข้าระยะทำการและลองปั่นด้วยซ้านบอลโค้งข้ามมือ มูฮัมหมัด ชาฟาน โรฮายซาด ไปแล้ว แต่ไปชนคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย


 
         น.27 สิงคโปร์เริ่มตั้งเกมสู้ได้ดีขึ้น ทำให้ไทยต้องเคาะบอลให้ช่องเปิดก่อนจะมาได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะสับไกยิงจากหน้ากรอบเขตโทษของ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่ยิงด้วยซ้าย แต่บอลก็ยังเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย


 
         น.34 หลังจากที่กดดันอยู่นานในที่สุดทีมชาติไทยก็มาได้ประตูออกนำจากจังหวะเล่นเตะมุมสั้นของ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กับ ฤทธิเดช เพ็ญสวัสดิ์ ก่อนจะเป็นวรชิตที่ลากบอลผ่านหน้ากรอบเขตโทษและแทงให้ฤทธิเดชหลุดเข้าไปจิ้มบอลเล่นทางเสียบเสาสองเข้าไปให้ไทยขยับออกนำ 1-0


 
         น.39 ทีมชาติไทยน่าจะได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ทำชิงกับ ฤทธิเดช เพ็ญสวัสดิ์ ก่อนที่ฤทธิเดชจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา และโดนแนวรับสิงคโปร์สกัดล้มในจังหวะที่จะง้างเท้ายิง แต่ ไอดะ จุมเปย ผู้ตัดสินในเกมนี้ทำมือให้ฤทธิเดชลุกขึ้นมาเล่นต่อ


 
         น.43 ไม่กี่นาทีถัดมาทีมชาติไทยก็มาไได้ประตูที่สองสมใจจากจังหวะที่ ศรายุทธ สมพิมพ์ ไปฉกบอลของสิงคโปร์มาได้ก่อนจะลากหากรอบและจิ้มต่อให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ปาดเข้ากลางให้ ศิริมงคล จิตบรรจง ยิงไปชนเสาในจังหวะแรก แต่ สุขสันต์ มุ่งเป้า ยืนอยู่ตรงนั้นซ้ำเข้าไปไม่พลาดส่งไทยหนีห่างสิงคโปร์ 2-0 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว


 
         กลับมาสู้กันต่ออีก 45 นาทีที่เหลือ เริ่มเกมมาทีมชาติไทยก็ยังเดินหน้าบุกอย่างหนัก และเกือบมาได้ประตูที่สามในน.49 จากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ใช้ความเร็วกระชากบอลจากกลางสนามฝ่าแนวรับสิงคโปร์หลุดเขาไปยิงบนเส้น 18 หลาแต่บอลพุ่งไปชนโคนเสาซ้ายมืออย่างน่าเสียดาย


 
         น.51 หลังจากที่พยายามอยู่นานในที่สุด วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กัปตันทีมช้างศึกจูเนียร์ก็มาซัดประตูแรกของตัวเองในรายการนี้ได้ จากจังหวะที่ได้บอลจากเพื่อนก่อนจะโยกหลบแนวรับ 2 คนของสิงคโปร์หลุดเข้าไปกดด้วยขวา ส่งบอลเสียบเสาสองเข้าไป พาไทยขยับหนีห่าง 3-0


 
         น.64 ทีมชาติไทยเริ่มขยับที่ข้างสนาม ส่ง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ลงมาทำหน้าที่แทน สุภโชค สารชาติ ก่อนที่น.73 จักรกฤษ เวชภิรมย์ จะลงมาแทน ศิริมงคล จิตรบรรจง


 
         น.74 ทีมชาติไทยมีโอกาสได้ลุ้นประตูเพิ่มอีกครั้ง เมื่อมาได้ฟรีคิกตรงมุมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย โดยเป็น สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ ที่ลองปั่นด้วยขวาไปที่เสาแรกบอลพุ่งเฉี่ยวเสาหลุดกรอบออกไปไม่ไกล น.76 จักรกฤษ เวชภิรมย์ ตัวสำรองที่ลงมาใหม่สไลด์ใส่ผู้เล่นสิงคโปร์ทำให้ได้รับใบเหลืองเป็นคนแรกของไทย


 
         น.79 ทีมชาติไทยยังครองเกมได้เกือบทั้งหมดและมาได้ลุ้นประตูที่ 4 จากจังหวะที่ผู้เล่นไทยไปบีบแนวรับสิงคโปร์จนเสียบอลก่อนที่จะเป็น สุขสันต์ มุ่งเป้า ที่พาบอลไปถึงหัวกะโหลกก่อนจะยิงหักข้อด้วยซ้ายไปเสาแรก บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย หลังจากนั้นไม่สามารถทำอะไรกันได้ ครบ 90 นาที ทีมเยาวชน 19 ปีทีมชาติไทยเอาชนะสิงคโปร์ 3-0 เก็บ 9 แต้มเต็ม ไปลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้ายกับเกาหลีใต้


 
         สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 19 ปี ชิงแชมป์ เอเชีย "เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนส์ ชิพ 2016" รอบคักเลือก กลุ่ม เอช นัดสุดท้าย จะทำการแข่งขันในวันที่ 6 ตุลาคม 2558 ณ สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม คู่แรก 15.00 น. ใต้หวัน พบ สิงคโปร์ และ เวลา 19.00 น. ทีมชาติไทย พบ เกาหลีใต้ ซึ่งหากทีมชาติไทยเอาชนะได้ก็จะผ่านเข้าสู่ศึกชิงแชปม์เอเชียในรอบสุดท้ายทันที หากเสมอหรือแพ้ต้องลุ้นให้ สิงคโปร์ที่จะพบกับไต้หวันไม่ชนะ หากชนะเพื่อเป็นอันดับสองที่ดีที่สุดกับกลุ่มอื่นต่อไป



ที่มา