ปรากฏการณ์ใหม่ฟุตบอลลีกไทย! มูลค่าการตลาดพุ่งสูงเฉียดครึ่งหมื่นล้าน "ทรูวิชั่นส์" ต่อสัญญาการเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2560-2563 รวม 4 ปี ด้วยมูลค่า 4,200 ล้านบาท พร้อมพ่วงดิวิชั่น 1, ช้าง เอฟเอ คัพ และโตโยต้า ลีก คัพ วงเงินเพิ่มจากเดิมเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ของของเดิมที่เซ็นไว้ 3 ปี ยังไม่ชัวร์ค่าสิทธิประโยชน์ แต่ละลีกได้เพิ่มเป็นกอบเป็นกำ ทีมไทยลีกลุ้นกระเป๋าตุงจาก 20 ล้านบาท เพิ่มเป็น 30 ล้านบาท ทีมลีก วัน และ ด.2 ก็รอเฮได้เพิ่มด้วย ฮือฮามีบริษัทต่างชาติหวังทุ่มหมดหน้าตักเพื่อได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดไทยลีก แต่สุดท้ายพลาดไป ยันให้บริษัทคนไทย "ทรูวิชั่นส์" ดูแลเพราะมีศักยภาพไม่ต่างไปจากองค์กรต่างชาติ

 
         เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องปาริชาต โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 ได้มีการแถลงข่าวการลงนามการต่อสัญญาถ่ายทอดสดฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก รวมถึงการแข่งขันอีก 3 รายการ ทั้ง ยามาฮ่า ลีก วัน, โตโยต้า ลีก คัพ และช้าง เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาล 2560-2563 หลังจากที่สัญญาเดิม "ทรูวิชั่นส์" จะสิ้นสุดลงฤดูกาล 2559

 
         โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย พงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน), ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด, เซอร์ เดวิด ริชาร์ด อดีตประธานพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนแห่ร่วมทำข่าวกันอย่างคับคั่ง

 
         สำหรับรายละเอียดของการต่อสัญญาในครั้งนี้ "ทรูวิชั่นส์" ได้ต่อสัญญาออกไป พร้อมเพิ่มมูลค่าในการถือลิขสิทธิ์จากเดิม 1,800 ล้านบาท ต่อระยะเวลา 3 ปี (2557-2559) ตกปีละ 600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 4,200 ล้านบาทต่อระยะเวลา 4 ปี (2560-2563) ตกปีละ 1,050 ล้านบาท ซึ่งมียอดเพิ่มขึ้นกว่าของเดิมเกือบถึง 100 เปอร์เซ็นต์

 
         โดยจะมีการถ่ายทอดสด 4 รายการสำคัญ คือ ไทยพรีเมียร์ลีก, ดิวิชั่น 1, ช้าง เอฟเอ คัพ และโตโยต้า ลีก คัพ รวมทั้งสิ้น 811 แมตช์ต่อฤดูกาล ประกอบด้วยโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 306 นัด, ยามาฮ่า ลีก วัน 306 นัด, ช้าง เอฟเอ คัพ 85 นัด และโตโยต้า ลีก คัพ 114 นัด ซึ่งจะเริ่มต้นในฤดูกาล 2018 เป็นต้นไป

 
         "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า "ขั้นตอนการประมูลเป็นไปตามข้อกำหนดของสัญญาฉบับเดิมทุกอย่าง ซึ่ง "ทรูวิชั่นส์" มีความพร้อมทั้งศักยภาพและเม็ดเงินในการเข้ามาสนับสนุนและถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกของไทย นับเป็นเรื่องที่ดีของวงการฟุตบอล"

 
         "จากเดิมทีมในไทยพรีเมียร์ลีกได้ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอยู่ที่ทีมละ 20 ล้านบาท จากปี 2560 เป็นต้นไปก็จะได้เพิ่มประมาณทีมละ 25-30 ล้านบาท ส่วนดิวิชั่น 1 ได้เพิ่มทีมละประมาณ 5-7 ล้านบาท และดิวิชั่น 2 ก็จะได้ในส่วนตรงนี้ด้วยเท่าตัวนึง"

 
         พงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เผยว่า "ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ช่วยกันยกระดับวงการฟุตบอลไทยลีก แต่ก่อนคนเล่นมีมากกว่าคนดู เวลาจะถ่ายทอดในแต่ละทีต้องหามุมที่มีคนดูเยอะๆ แต่ทุกวันนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่กับการเพิ่มมูลค่าทางการตลาด ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้ฟุตบอลลีกเมืองไทยบูมถึงทุกวันนี้"

 
         ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.ทรูวิชั่นส์ฯ กล่าวว่า "ทรูวิชั่นส์มีความพร้อมในการถ่ายทอดสดและยกระดับวงการฟุตบอลไทย เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนฟุตบอลลีกไทยให้ติดตลาด โดยสัญญาฉบับใหม่ที่จรดปากกาไปนั้นมีมูลค่า 4,200 ล้านบาทในช่วงระยะเวลา 4 ปี และแสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่าไทยคือผู้นำในเรื่องของฟุตบอลของกลุ่มอาเซียน ทั้งนี้ค่าสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสร้างความเป็นมืออาชีพให้ในแต่ละสโมสรได้เป็นอย่างดีอีกด้วยเช่นกัน"

 
         เซอร์ เดวิด ริชาร์ด อดีตปธ.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เผยผ่านล่ามว่า "โดยส่วนตัวต้องขอขอบคุณพาร์ตเนอร์ทุกฝ่ายที่ทำให้ลิขสิทธิ์มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ในเรื่องการประมูลที่เกิดขึ้นทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและกรรมวิธีในแบบเดียวกับประมูลเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และก็ค่อนข้างประหลาดใจเหมือนกันเมื่อมีบริษัทต่างชาติมาร่วมประมูลด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องให้บริษัทในไทยเพราะคิดว่าศักยภาพการทำงานน่าจะมีประสิทธิภาพไม่แพ้กันแน่"