สมาคมฟุตบอลฯ ออกโรงเตือนแฟนบอลที่จะเข้าชมเกม "ไทย-อิรัก" อย่านำพลุหรือดอกไม้ไฟเข้าสนาม จะโดนห้ามเข้าชมและจะถูกดำเนินคดี เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่ประเทศลาว "นรินท์พงศ์" ประธานฝ่ายกฎหมาย เผยมีโทษทั้งจำคุกและปรับเงิน
นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีแฟนบอลชาวไทย ได้ไปจุดพลุในสนามกีฬาแห่งชาติลาว ระหว่างชมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี ชิงแชมป์อาเซียน คู่ชิงชนะเลิศ ที่ทีมชาติไทย เอาชนะ เวียดนาม ไปขาดลอย 6-0 เมื่อค่ำวันที่ 4 ก.ย. ซึ่งแฟนบอลกลุ่มนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลาวจับกุมตัวและกักขังนั้น หลังจากทราบข่าวตนได้ปรึกษา นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ โดยจะเร่งประสานงานให้ความช่วยเหลือในทันที แต่ล่าสุด ทราบว่าสถานทูตไทยในประเทศลาว ได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือแฟนบอลไทยกลุ่มนั้นเรียบร้อยแล้ว ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
นอกจากนี้ นายนรินท์พงศ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มเอฟ ระหว่าง "ช้างศึก" ทีมชาติไทย กับ อิรัก ในวันอังคารที่ 8 ก.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. สมาคมฟุตบอลฯ และฝ่ายจัดการแข่งขันขอแจ้งให้ทราบว่า กรุณาอย่านำพลุ หรือ ดอกไม้ไฟ เข้าไปในสนามเด็ดขาด ซึ่งได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย และจะนำเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดไปตรวจในวันแข่งอย่างละเอียด หากค้นพบว่าใครมีพลุ หรือ ดอกไม้ไฟจะถูกห้ามเข้าสนาม หรือหากมีใครแอบลักลอบเอาเข้าไปได้ และมีการจุดพลุขึ้นมา ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.วัตถุระเบิด ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ
"ขอความร่วมมือแฟนบอลทุกท่านด้วยว่า อย่านำพลุเข้าไปในสนามเลย เพราะมันผิดกฎหมาย และอาจเกิดอันตรายแก่ผู้อื่นได้ ที่ผ่านมาเรายังอนุโลมให้ ยังไม่ดำเนินคดีอย่างจริงจัง แต่หลังจากนี้ไป หากมีการกระทำผิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไปดำเนินคดีได้เลย เช่นเดียวกับที่ประเทศลาว เขาก็มีกฎหมายแบบนี้เช่นกัน ขอให้เชียร์บอลกันให้สนุก อย่างสบายใจ และปลอดภัยดีกว่า"