ไทย 4 - 1 ฟิลิปปินส์

         ที่สนามลาว เนชั่นแนล สเตเดี้ยม เวลา 16.00 น. ของเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ดำรงค์ศักดิ์ ประจง ผู้สื่อข่าวฟุตบอลสยาม และ นิธิ อรรถีโสตร์ ผู้สื่อข่าวสยามสปอร์ต ฟุตบอล รายงานการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ''เอเอฟเอฟ ยู-19 แชมเปี้ยนชิพ 2015'' ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยเป็นการลงสนามนัดที่สองของสาย เอ ระหว่าง ทีมชาติไทย ที่นัดแรกเอาชนะทีมชาติลาว (เจ้าภาพ) 2-1 พบกับ ทีมชาติฟิลิปปินส์ ที่นัดแรกเอาชนะ ทีมชาติบรูไน มา 1-0

         ไทยจัด 4-3-3 ขาด ''ชาคร'' เฝ้าเสา

 
         สำหรับ 11 ตัวจริงของ ''ช้างศึกจูเนียร์'' ทีมชาติไทย ยู-19 ภายใต้กุมบังเหียนของ ''โค้ชจุ่น'' อนุรักษ์ ศรีเกิด จัดทัพมาในระบบ 4-3-3 เช่มเดิม โดยใช้ ทาโร่ ประสานการ เฝ้าเสา แบ็กขวาเป็น อาทิตย์ การสังเวช แบ็กซ้ายใช้ ศรายุทธ สมพิมพ์ ส่วนเซนเตอร์ฮาล์ฟเป็น ''เจ้าเชน'' มีโชค มหาศรานุกูล จับคู่กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ

 
         ขยับมาที่แดนกลางให้ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ เป็นตัวตัดเกม มิดฟิลด์ใช้ ''เจ้ายิมส์'' วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ รับหน้าที่กัปตันทีม และคอยเดินเครื่องร่วมกับ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ สำหรับ 3 ประสานในแดนหน้าใช้ สุขสันต์ มุ่งเป้า ขึ้นเกมทางซ้าย และให้ ''เจ้าไอซ์'' จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ทะลุทะลวงทางกราบขวา ส่วนหน้าเป้าวาง ''เจ้าดิว'' ฤทธิเดช เพ็ญสวัสดิ์ ยืนค้ำ

         เขี่ยบอลเริ่มเกมเป็น ''ช้างศึกจูเนียร์'' ที่เดินเกมบุกเข้าใส่ทันที ตั้งแต่เสียงนกหวีดดังขึ้น โดยทาง ฟิลิปปินส์ มาเน้นตั้งรับและอาศัยจังหวะสวนกลับเร็วเข้าสู้ กระทั่งนาทีที่ 8 ทีมชาติไทย ก็มาได้ประตูออกนำ เมื่อ อาทิตย์ การสังเวช ได้บอลทางกราบขวา แล้วป้ายเข้ากลางต่อให้ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ก่อนแทงทะลุช่องขึ้นหน้าให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ หลุดเข้าเขตโทษ จากนั้นตะบันด้วยขวา บอลพุ่งผ่านตัวนายด่านฟิลิปปินส์ เข้าประตูไปให้ทีมชาติไทยขึ้นนำ 1-0

 
         นาทีที่ 12 ฟิลิปปินส์ เกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่ วินฮอฟเฟอร์ ได้บอลบริเวณกลางสนาม จากนั้นวางยาวข้ามหัวกองหลังไทยที่ดันขึ้นมาสูงให้ เดียโน่ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ แต่ดันจับบอลยาว จึงทำให้ ทาโร่ ประสานการ นายทวารทีมชาติไทย ออกมาตะครุบบอลเอาไว้ได้

 
         นาทีที่ 17 ''ช้างศึกจูเนียร์'' น่าจะได้ประตูหนีห่างเป็นที่สุด อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ได้บอลจากหน้ากรอบเขตโทษ ฟิลิปปินส์ ก่อนป้ายต่อให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ล็อกหลบกองหลังหนึ่งจังหวะแล้วคืนต่อให้ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ คนเดิม หลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่ดันยิงถากเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

 
         นาทีที่ 20 ทีมชาติไทยมาได้ประตูที่สองสำเร็จ จากจังหวะลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษเยื้องมาทางซ้ายระยะประมาณ 25 หลา สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ ห้องเครื่องคนสำคัญของทีม รับอาสาบรรจงปั่นด้วยขวาเท้าถนัด บอลพุ่งข้ามก่อนตกพื้นเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดสวยให้ทีมขยับหนีห่างเป็น 2-0
 
         จากนั้นรูปเกมส่วนใหญ่ยังตกเป็นของ ''ช้างศึกจูเนียร์'' เกือบทั้งหมด เรียกได้ว่า พับสนามบุกเลยทีเดียว นาทีที่ 27 ทีมชาติไทยได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ เล่นสั้นให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ บรรจงปั่นด้วยขวาจากมุมกรอบเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาสองออกหลังไป

 
         นาทีที่ 30 ทีมชาติไทยมาได้ประตูที่สาม จากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ได้บอลจากหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนป้ายไปทางซ้ายให้ ฤทธิเดช เพ็ญสวัสดิ์ แทงทะลุช่องต่อให้ สุขสันต์ มุ่งเป้า ยิงไปติดนายด่านฟิลิปปินส์ ก่อนในจังหวะแรก ก่อนที่จะวิ่งตามดาบสองเข้าไปให้ทีมหนีห่างเป็น 3-0 

 
         ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกม ยังเป็น ''ช้างศึกจูเนียร์'' ที่ครองเกมเอาไว้ได้ทั้งหมด นาทีที่ 35 วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ทำชิ่งหนึ่งสองกับ ฤทธิเดช เพ็ญสวัสดิ์ บริเวณหน้ากรอบเขตโทษฟิลิปปินส์ ก่อนที่จะบรรจงปั่นด้วยขวา บอลไปเสาสองเด้งออกมาเข้าทางปืน จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ วิ่งตามซ้ำ แต่ดันยิงไปติดบล็อกกองหลังฟิลิปปินส์ ยังไม่ได้ประตูที่สี่

 
         นาทีที่ 41 ทีมชาติไทยลุยเกมขึ้นมาได้สวย ก่อนที่ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ จะตักบอลด้วยซ้ายจากหน้าหรอบเขตโทษเข้าไปให้ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ใช้สปีดวิ่งและจะแตะบอลหลบนายด่าน ฟิลิปปินส์ แต่ดันไม่ผ่านถูกสกัดเอาไว้ได้ จากนั้นช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มกันได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรก ทีมชาติไทย ออกนำ ทีมชาติฟิลิปปินส์ 3-0

         กลับมาสู้กันต่อครึ่งหลังยังเป็น ''ช้างศึกจูเนียร์'' ที่เดินเกมบุกอย่างไม่หยุดยั้ง และนาทีที่ 47 เกือบมาได้ประตูที่สี่ เมื่อได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ อาทิตย์ การสังเวช ไปโดน โอเบเรียโน่ กองหลังฟิลิปปินส์ ผลักล้มลงจากด้านหลัง ผู้ตัดสินไม่ลังเลใจวิ่งเข้ามาชี้เป็นลูกจุดโทษทันที แต่เป็น อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ที่ยิงไปติดเซฟนายด่านฟิลิปปินส์ ไม่เข้าประตู สกอร์ยังเท่าเดิมที่ 3-0
 

         อีกสองนาทีถัดมา น.47 ไทยก็มาได้ประตูที่สี่สำเร็จ เมื่อมาได้ลูกเซตพีซทางกราบซ้ายเกือบกลางสนาม สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ บรรจงหยอดเข้าไปบริเวณจุดโทษ และเป็น สุขสันต์ มุ่งเป้า ที่วิ่งโฉบเข้ามาแตะบอลเปลี่ยนทางเด้งชนเสาเข้าประตูไปให้ ''ช้างศึกจูเนียร์'' ทิ้งห่างเป็น 4-0 และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้
 

         เข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ทีมชาติไทยเริ่มผ่อนเกมลงมาบ้าง โดยการเปลี่ยนผู้เล่นตัวสำรองลงสนาม เพื่อให้ได้สัมผัสกับเกมจริง และนาทีที่ 73 อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ได้บอลทางกราบซ้าย ก่อนบรรจงเปิดเข้าไปกลางประตูให้ วีระพงศ์ ครยก กองหน้าตัวกลั่นของทีม ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาใหม่ได้โขก แต่ดันโดนไม่ดีนายด่านฟิลิปปินส์ รับเอาไว้ได้สบาย

 
         นาทีที่ 77 ''ช้างศึกจูเนียร์'' เกือบมาได้ประตูที่ห้า จากจังหวะสวนกลับเร็ว สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ วางยาวจากแดนตัวเองข้ามหัวกองหลัง ฟิลิปปินส์ ไปให้ วีระพงศ์ ครยก หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับนายด่านฟิลิปปินส์ แต่ดันยิงบล็อกยังไม่ได้ประตูและสกอร์ยังคงเดิม

 
         นาทีที่ 80 ฟิลิปปินส์ มาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ การต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงใหม่ไปทำฟาวล์ผู้เล่นของฟิลิปปินส์ ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกจุดโทษทันที และเป็น มาร์ก แอนโทนี่ วินฮอฟเฟอร์ สังหารเข้าไปไม่พลาดให้ทีมไล่ตามมาห่างๆ เป็น 1-4

 
         ช่วงเวลาที่เหลือ ฟิลิปปินส์ พยายามเดินเกมบุกเข้าใส่ ไทย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสจะแจ้งมากนักในการเข้าทำประตู และทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มกันได้ ทำให้จบเกม 90 นาที ทีมชาติไทย ถล่มเอาชนะ ทีมชาติฟิลิปปินส์ ไปแบบขาดลอย 4-1 คว้าชัยเป็นนัดที่สอง พร้อมกับเก็บ 6 คะแนนเต็ม