ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในการพบกับ บาห์เรน ก่อนที่ทั้งสองทีมจะมีโปรแกรมลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง โดยไทยมีคิวไปเยือนใต้หวันวันที่ 16 มิ.ย. นี้ สำหรับสถิติการพบกันปรากฏว่าเจอกันทั้งหมด 8 ครั้ง ไทย ชนะ 1 เสมอ 5 แพ้ 2 ได้ 8 เสีย 10 ประตู
ผู้เล่น 11 คนแรก “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จัดระบบ 4-3-3 มี สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เป็นนายทวาร แบ็กขวาใช้ ศิลา ศรีกำปัง ฝั่งซ้าย ธีราทร บุญมาทัน ที่สวมปลอกแขนเป็นกัปทีม ส่วนเซนเตอร์ฮาล์ฟ สุทธินันท์ พุกหอม กับ กรวิทย์ นามวิเศษ แดนกลางให้ อดุล หละโสะ ตัดเกม ปล่อยให้ สรรวัขร์ เดชมิตร กับ ปกเกล้า อนันต์ ทำเกม ปีกซ้ายเป็นหน้าที่ของ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ฝั่งขวาใช้ มงคล ทศไกร และกองหน้าตัวเป้า ธีรศิล์ แดงดา
ทางด้าน บาห์เรน ทีมเยือน เซอร์จิโอ้ บาติสต้า เฮดโค้ชวางขุมกำลังชุดใหญ่นำโดย ฮาหมัด อัลดูซารี่, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, อับดุลลา อับโด้, อาห์เหม็ด จาฟฟาร์, ฟัลซี่ มูบารัค อายิส, อัลดุลลา อัลฮัสซาเกมนี้ใช้ผู้ตัดสิน พวง ดินห์ ดุง จากเวียดนามทำหน้าที่
เริ่มเกมทีมชาติไทยอาศัยการต่อบอลสั้น ออกบอลเร็วเล่นงานบาห์เรน น.14 “ช้างศึก”ได้ทักทายเป็นหนแรก ธีราทร บุญมาทัน ตบบอลไปให้กับ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ แต่งบอลเข้าไปในเขตโทษ แล้วกดด้วยซ้ายแบบฉับพลัน บอลกลับหลุดเสาแรกออกไปอย่างได้ลุ้น
น.32 ทีมชาติไทย พลาดโอกาสได้สกอร์ขึ้นนำ จากจังหวะที่ ปกเกล้า อนันต์ ไหลบอลทะลุช่องไปให้ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ หลุดเข้าไปแปบอลเล่นทางด้วยขวา ฮาหมัด อัลดูซารี่ ปัดบอลทิ้งออกมาไม่ดีไปเข้าทาง ปกเกล้า อนันต์ วิ่งเข้ามาซ้ำส่งบอลไปติดบล็อก อับดุลลา อัลฮัซซา กองหลังอย่างน่าเสียดายทำให้หมดครึ่งแรก ทีมชาติไทย ยังเสมอกับ บาห์เรน อยู่ 0-0
ครึ่งหลังทีมทีมชาติไทยเปลี่ยนตัวผู้เล่นส่ง จักรพันธ์ พรใส กับ เอกชัย สำเร ลงมาแทน มงคบ ทศไกร และ ศิลา ศรีกำปัง ส่วน บาห์เรน ถอด อัลดุล อัลฮัซซา กับ ฟัลซี่ มูบารัค อายิส ออกมาแล้วให้ อับดุลล่า ชาลัล กับ อาลีเอสซ่า ลงแทน และเพียงแค่ 5 นาทีของครึ่งหลังเสียงเชียร์แฟนบอลเจ้าถิ่นได้ดังก่อน จากจังหวะที่ ทีมชาติไทยได้ฟรีคิกท้างซ้าย จักรพันธ์ พรใส ซัดไปแฉลบศีรษะผู้เล่นบาห์เรน เปลี่ยนทางเข้าไปให้ทีมขาติไทยขึ้นนำ 1-0
เกมยังเป็นทีมทีมชาติไทยที่ทำได้กีกว่า น.59 “ช้างศึก”พลาดได้เม็ดที่สอง เมื่อ จักรพันธ์ พรใส กระดกบอลให้ สรรวัชร์ เดชมิตร หลุดกับดักล้ำหน้าลากบอลเข้าไปในเขตโทษ แล้วจัดการยิงด้วยเท้าซ้ายเต็มแรง ฮาหมัด อัลดูซารี่ ปัดบอลไปชนคาน ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะช่วยกันเคลียร์บอลทิ้งออกไป ทีมไทยเปลี่ยนผู้เล่นอีกครั้ง ประทุม ชูทอง กับ อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์ ลงไปแทน สุทธินันท์ พุกหอม กับ ปกเกล้า อนันต์
โอกาสเป็นของทีมชาติไทยอีกครั้งใน น.67 จากจังหวะที่ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ทำชิ่งกับ ธีรศิลป์ แดงดา ล้มตัวยิงในเขตโทษ บอลกลับไปตรงตัวของ ฮาหมัด อัลดูซารี่ น.71 “ช้างศึก”ส่ง ทศงรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ลงไปแทน อดุล หละโส จากนั้นส่ง อดิศักดิ์ ไกรษร ลงไปแทน เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
ทีมไทยที่เล่นได้เหนือกว่ากลับมาโดนตีเสมอใน น.80 เมื่อบาห์เรนได้ลูกเตะมุม ก่อนจะเล่นเร็วและเป็น อาลี เอสซา ตัวสำรองที่ถูกส่งลงมาในครึ่งหลังโขกเสียบเสาเข้าไป จบเกม ทีมชาติไทย เปิดบ้าน เสมอกับ บาห์เรน ไป 1-1 ซึ่งถือเป็นการเจ๊าครั้งที่ 6 จาก 9 นัดที่เจอกันมาในนามชุดใหญ่
คะแนนความสามารถของนักเตะทั้งสองทีม
ไทย : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล 7, ศิลา ศรีกำปัง 6 (เอกชัย สำเร 6 แทน น.46), ธีราทร บุญมาทัน 7, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ 6.5 (อดิศักดิ์ ไกรษร 6 แทน น.75), สุทธินันท์ พุกหอม 6.5 (ประทุม ชูทอง 6 แทน น.62), ธีรศิลป์ แดงดา 6.5, มงคล ทศไกร 6 (จักรพันธ์ พรใส 7.5 แทน น.46), สรรวัชร์ เดชมิตร, 7 กรวิทย์ นามวิเศษ 7, อดุล หละโสะ 7 (ทศวรรษ ลิ้มวรรณสถียร 6 แทน น.71), ปกเกล้า อนันต์ 6.5 (อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์ 6 แทน น.62)
บาห์เรน : ฮาหมัด อัลดูซารี่ 7, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ 7, อับดุลลา อับโด้ 7, อาห์เหม็ด จาฟฟาร์ 6, ฟัลซี่ มูบารัค อายิส 6 (อาลีเอสซ่า 6.5 แทน น.46), อัลดุลลา อัลฮัสซา 6 (อับดุลล่า ชาลัล 6 แทน น.46), จามัล ราชิด ราห์มาน 6, โมฮัมเหม็ด อัดเฮล 6 (อัลดุลลา มูบารัค 6 แทน น.64), ไฟซัล ฮัสซัน บู ดาฮูม 6, คูมัล ฮัสซัน อลาสวาด 6, อับดุลลา ยานาฮี 6