''บิ๊กเปี๊ยก'' ดร.องอาจ ก่อสินค้า ประธานทีพีแอล เอาจริงไม่อยากให้วงการลูกหนังไทยและแต่ละสโมสรเองต้องขายหน้าชาติอื่นๆ ในการที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของฟีฟ่า เพลเยอร์ สเตตัส ซึ่งที่ผ่านมาไทยเคยโดนทั้งกุนซือและนักเตะต่างชาติไปฟ้องร้องเรียกเงินจากต้นสังกัดไปยังฟีฟ่า ทำให้สโมสรจากไทยต้องเสียเงินจากการขาดความเข้าใจเรื่องดังกล่าวอย่างถ่องแท้ โดยจะจัดสัมมนาช่วงกลางเดือน พ.ค. 58 นี้ที่จะพักเบรกให้ทีมชาติไปลุยศึกซีเกมส์
"บิ๊กเปี๊ยก" ดร. องอาจ ก่อสินค้า ประธานบ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ออกมากล่าวกับสยามกีฬาถึงการที่ ทีพีแอล เตรียมจัดสัมมนาให้กับทีมในโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก และ ยามาฮ่า ลีก วันในช่วงที่ ทั้ง 2 ลีกจะพักเบรกราวกลางเดือน พ.ค. 58 นี้ เพื่อหลีกทางให้ทีมชาติไทยเตรียมตัวไปป้องกันแชมป์ลูกหนังซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ สิงคโปร์
โดยสาระสำคัญของการจัดสัมมนาใหญ่ครั้งนี้จะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากฟีฟ่า มาให้คำแนะนำ 2 เรื่องคือเรื่องของ FIFA PLAYER STATUS และเรื่องของกรรมวิธีการเป็นเอเยนต์ที่ถูกต้อง เรื่องดังกล่าว "บิ๊กเปี๊ยก" กล่าวว่า "ไหนๆ ไทยลีกและ ด.1 ก็จะพักเบรกให้ทีมชาติไปลุยศึกซีเกมส์ ในเดือน พ.ค. นี้ ผมในฐานะของผู้กำกับดูแลฟุตบอลทั้ง 2 ลีกกับตำแหน่งประธานทีพีแอล จะจัดสัมมนาใหญ่ให้กับผู้แทนจากทุกทีมจาก 2 ลีกได้มาทำความเข้าใจเรื่องของฟีฟ่า เพลเยอร์ สเตตัส และการทำหน้าที่ของเอเยนต์เนื่องจากที่ผ่านมานั้นบ้านเรามีปัญหาเกี่ยวกับการที่นักเตะไปฟ้องร้องกับทางฟีฟ่า เรียกร้องเงินทดแทน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวนั้นทำให้เกิดผลเสียต่อฟุตบอลลีกบ้านเรารวมถึงภาพรวมของวงการฟุตบอลไทยในเรื่องการยอมรับทั้งๆ ที่ปัจจุบันฟุตบอลลีกของไทยนั้นถูกยกให้เป็นลีกที่อยู่อันดับต้นๆ ของเอเชียไปแล้ว
ผมไม่อยากให้มีปัญหาการฟ้องร้องเกิดขึ้นมาอีก ซึ่งจริงๆ แล้วปัญหานั้นก็เกิดมาจากการขาดความเข้าใจเรื่องของฟีฟ่า เพลเยอร์ สเตตัส ทั้งเรื่องของการเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ หรือยังติดสัญญาอยู่รวมไปถึงใกล้หมดสัญญา 6 เดือนตามกฎบอสแมน หากทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันก็จะทำให้ปัญหาดังกล่าวไม่เกิดขึ้น ผมหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกสโมสร เพื่อประโยชน์ของวงการฟุตบอลบ้านเราหลังจากก่อนหน้านี้เคยมีกรณีของ เดวิด บูธ ไปฟ้องศรีสะเกษ กับฟีฟ่า มาแล้ว รวมถึง คริสเตียน มาธิอัส ที่ฟ้องเรียกเงินทดแทนจากการท่าเรือ ในเคสล่าสุด นั่นเอง"
ชิงแชมป์สโมสรอาเซียนน่าคลอดปี 59
ส่วนเรื่องของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติสโมสรอาเซียนที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้แล้วแต่ท้ายที่สุดยังคงไม่ได้บทสรุปสักทีนั้น เรื่องนี้ "บิ๊กเปี๊ยก" กล่าวว่า " โปรเจกต์ดังกล่าวที่เป็นของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ นั้นยังไม่ถูกพับไปยังมีการหารือกันเรื่องนี้โดยตลอดแต่ยังไม่สะเด็ดน้ำนั่นเอง ที่ผมทราบมานั้นในค.ศ. 2016 หรือปี 59 นั้นน่าจะมีความชัดเจนขึ้นหรือดีไม่ดีอาจจะได้เริ่มต้นแข่งขันเลยโดยรายการดังกล่าวจะนำแชมป์ฟุตบอลลีกของ 11 ชาติในอาเซียนทั้ง ไทย, อินโดฯ, มาเล, ฟิลิปปินส์, ลาว, กัมพูชา, พม่า, เวียดนาม, บรูไน, สิงคโปร์, ติมอร์, ออสเตรเลีย มาแข่งขันอาจจะเป็นระบบเหย้า, เยือน เพื่อหาแชมป์ ซึ่งทีมแชมป์นั้นจะไม่ได้สิทธิ์ไปแข่งขันฟุตบอลถ้วยเอเชียแต่อย่างใด แต่จะแข่งขันเพื่อชิงความเป็น 1 ของสโมสรลูกหนังในภูมิภาค อาเซียนเท่านั้น แต่จะมีเงินรางวัลและถ้วยเกียรติยศให้ช่วงชิงกัน"
ที่มา www.siamsport.co.th/Sport_Football/150330_216.html
|